Browse
มาต่อร้านที่ 2 กันเลยครับ ร้านนี้ผมจะชอบออกนอกหน้าหน่อย โดนส่วนตัวแล้วผมชอบร้านนี้มาก นั่นก็คือร้านไทโชวเคน
หน้าร้านครับ
ป้ายหน้าตาเจ้าของร้าน
ภายในร้านครับ
ร้านนี้จะมีเครื่องปรุงแบบคนไทยให้ด้วย (คงกลัวไม่ถูกปากคนไทย)
เมนูร้านนี้ครับ สำหรับร้านนี้จะมีราเม็งไม่มากแบบ หลักๆก็จะมี โมริโซบะ จะเป็นแบบแยกเส้น ซุปที่ใช้จะเป็นซุปโชยุ ปลาอาจิ อีกแบบก็จะเป็น โชยุราเม็ง ซุปปลาอาจิครับ
นอกนั้นก็จะเป็นเมนูข้าวอย่าง ชาชูด้ง (ข้าวหน้าหมูชาชู) ชาฮั่น(ข้าวผัด) แล้วก็พวกของกินเล่นอย่างเกี๊ยวซ่าครับ
แล้วก็ไม่รอช้าก็จัด โมริโซบะมา 1 ที่
เส้นลวกแล้วเอามาล้างด้วยน้ำเย็น เส้นเหนียวนุ่มมากครับ ปกติผมชอบเส้นแบบนี้อยู่แล้วเลยได้ใจไปเต็มๆ
น้ำซุปปลาอาจิ …
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 4
วันนี้ไม่ได้อยู่ในซัปโปโรครับ วันนี้ออกมาลุยที่โอตารุ ก่อนหน้านี้ได้อ่านการ์ตูนและดูรายการโกโกริโกะ(Reference แต่ล่ะอย่างน่าเชื่อถือทั้งนั้น) ก็ได้ข้อมูลมาว่าที่นี่อาหารทะเลสุดยอดไปเลย
นั่งรถไฟมาได้ 40 นาทีจากซัปโปโรก็มาถึงโอตารุ มาถึงก็สัมผัสได้ว่า บ้านนอกมาก
จากนั้นก็ตรงรี่ไปที่ตลาดซันคากุอิจิบะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานีเลย
มาถึงก็จัดข้าวเช้าชุดใหญ่ที่ร้านนี้ ร้านนี้จะไม่มีวัตถุดิบที่ครัวเลย ลูกค้าอยากกินอะไรเค้าก็ไปเอาของสดจากตลาดมาทำให้กินกันสดๆเลย ได้ใจไปเต็มๆ
เริ่มจากโดปหอยนางรมก่อน หอยนางรมตัวนี้ใหญ่เท่าตะเกียบเลย (ตัวใหญ่ตัวล่ะ 400เยน)
จากนั้นก็มาพระเอกของมื้อนี้ ประทับใจมากสุดๆ เป็นอาหารแนะนำของที่นี่เลย (1 ชาม 2500เยน)
หอยอาวาบิ (เป๋าฮื้อ)
ไข่ปลาแซลมอน
หอยโฮตาเตะ …
ตอนพิเศษ: ตลุยกินอาหารญี่ปุ่นที่ฮอกไกโด 6วัน 6คืน!!!!! (ภาคต้น)
เนื่องจากดูรายการอาหารญี่ปุ่น รวมทั้งอ่านการ์ตูณบิ้วได้ที่ เลยทำการวางแผนตลุยกินที่เกาะฮอกไกโด รอบนี้ที่ไปก็อินดี้ไปคนเดียวตลุยเดี่ยวอีกแล้วครับ
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 1
หลังจากเครื่องลงแล้ว เลือกหนังสือที่จะตลุยกินแล้ว เอาของเก็บในโรงแรมแล้ว ดูเวลาก็เกือบๆ 4 โมงเย็นได้ต้องออกไปหาอะไรกินแล้ว
ใกล้ๆโรงแรมก็มีสถานที่ที่มีชื่อเสียงของซัปโปโร ที่นี่คือหอนาฬิกาอันเก่าแก่ของที่นี่ ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของซัปโปโรก็ว่าได้ครับ
โมเดลจำลอง สมัยก่อนยังไม่มีตึกขึ้น
โถงชั้น 2
เดินเล่นอยู่นานก็ค่ำแล้ว ร้านแรกของที่นี่ว่าจะเรียกน้ำย่อยด้วยของหวานก่อน
และแล้วก็เลือกร้าน ไอศครีม Bar HOKKAIDO มิลค์มุจิ
หน้าร้านน่ารักดี
จริงๆร้านนี้เป็นบาร์เหล้าครับ ส่วนตัวเป็นคนไม่กินเหล้า ตอนแรกคิดว่ามาผิดที่รึเปล่า
จัดมาเซตนึง ในเซตนี้จะมี ไอศครีม แล้วก็ให้เลือกเหล้า 5 ชนิด(ไม่มีความรู้เลย บอกเค้าว่าปกติเป็นคนไม่กินเหล้าขอแบบน้อยๆหน่อย) แล้วก็มีเครื่องให้กินกับไอศครีม เช่น เครป โยเกิร์ต ขนมปังกรอบ กินเสร็จก็มี คุกกี้ทำเอง กับกาแฟด้วย (ราคา 1,280เยน)
จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่มีเหล้าเกรปฟรุ๊ต อันนี้ออกหวานๆ แล้วก็มีเนื้อเกรปฟรุ๊ตด้วย อร่อยมาก
วิธีกินก็คือ เวลาตักไอศครีม 1 ช้อน ก็ให้ตักเหล้าช้อนเล็กๆ (เล็กมาก) เหยาะใส่ไอศครีม แล้วก็กิน เป็นการเปลี่ยนรสไอศครีมด้วยเหล้า อร่อย + เก๋มาก
บรรยากาศดีมาก
จากนี้ก็ต่อร้านต่อไปเลย หาของคาวกินบ้าง
ก็มาร้านนี้ “คิตะโนะซาจิ ยาวารากิ”

ร้านนี้หนังสือแนะนำว่าข้าวหน้าทะเลราคาไม่แพง เลยจัดมา 1 ชาม (1,000 เยน)

แล้วก็จัดโคล็อกเกะมา 1 จาน (จำราคาไม่ได้ น่าจะ 500-600 เยน)

มื้อนี้ชอบโคล็อกเกะมาก มันฝรั่งฮอกไกโดมีชื่อเรื่องความหวานอยู่แล้ว แล้วในมันก็มีใส่หอยโฮตาเตะ (หอยเชลล์) แล้วก็(สุไวคานิ)ปูหิมะ ด้วยอร่อยมากๆ
จากนั้นก็ต่ออีกร้านอย่างต่อเนื่อง จริงๆอยากกินของหวาน แต่เดินหาร้านนานมาก จนหิวในที่สุดก็เจอจนได้
ร้านบอนไซ ทานุกิเทน ร้านนี้เป็นแนวร้านเหล้า (จริงๆร้านอาหารที่เปิดดึกๆของญี่ปุ่นมันก็ร้านเหล้าหมดล่ะครับ)
เด็กดีไม่กินเหล้า จัดน้ำมะม่วงมา 1 แก้ว

เพื่อสุขภาพ อาหารแนะนำสลัดเต้าหู้ (404 เยน)

ซัลมอนโทะมากุโระโนะคารุปัจโจ หรือ ปลาซัลมอนกับมากุโร Carpaccio (683เยน)

คัตสึโอโนะทาทากิ (เอามาย่างผิวให้ไหม้ แต่ข้างในยังดิบๆ) (599เยน)

ตบท้ายด้วยด้วย เค้กช็อกโกล่า เนื้อเนียนๆ (จำราคาเป๊ะๆไม่ได้ ราวๆ 500เยน)
.
.
.
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 2
เช้านี้ก็เดินหลงทิศนิดหน่อย แต่ก็หลงมาเจอเหมือนที่ทำการอะไรซักอย่างของที่นี่สวยมาก

ที่นี่ก็มีบ่อน้ำข้างใน

แล้วก็สังเกตเห็นอะไรแถวๆที่คนเดินผ่าน

มีฝูงเป็ด!!!

เป็นพวกนี้ชินคนด้วย

ดูชิวมากเลยครับพี่เป็ด

เนื่องจากออกมาเช้าเกิน ไม่มีร้านไหนเปิดเลย เลยมานั่งกินกาแฟที่ร้านนี้

ร้านนี้เห็นว่าเป็นแชมป์แต่งหน้ากาแฟลาเต้ของซัปโปโร แถมคำทำน่ารักด้วย เลยมากินทุกเช้าเลย

ลาเต้ (500 เยน)

จากนั้นก็มีร้านใกล้ๆกัน Cafe de NORD

กินเค้กช็อกโกล่าอีกแล้ว

นั่งชิวรอเวลาร้านอื่นเปิดได้ซักพัก ก็ชักอยากกินราเม็งของซัปโปโรบ้าง
แต่ดูจากนิตยสาร ฮอกไกโดวอร์คเกอร์ แล้วแต่ล่ะร้านอยู่ไกลเกิน แต่มีร้านแนะนำใกล้ๆอยู่ร้านนึงเลยจัดซะ
ร้านนี้อยู่บนตึกที่ขายของประมาณเครื่องใช้สำนักงาน เครื่องเขียน แล้วร้านนี้ก็อยู่ตรงที่เค้าขายเครื่องเขียนซะงั้น
ร้านนี้มีชื่อเรื่องมิโสะราเม็ง เลยจัดมิโสะราเม็งมา 1 ชาม (600 เยน)
กินราเม็งที่ญี่ปุ่นนี่อร่อยนะครับ เข้มข้นด้วย แต่กินชามนึงหายอยากนานเลย เพราะน้ำซุปค่อนข้างมันมาก
จบจากราเม็ง ก็เดินหา ซุปแกงกะหรี่ ที่ฮอกไกโดนั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องซุปแกงกะหรี่เช่นกันครับ (ซุปแกงกะหรี่ กับข้าวราดแกงกะหรี่นั้นไม่เหมือนกันนะครับ ข้าวราดแกง ตัวแกงจะข้นๆ แต่ซุปแกงนั้นจะเป็นน้ำๆ ให้นึกถึงพวกแกงเขียวหวานบ้านเราครับ)
ร้านนี้อยู่ไกลมาก ไม่มีรถไฟไปถึง จะขึ้นรถเมล์ก็งงๆ เลยเดินไปซะเลย ระหว่างเดินก็ถ่ายรูปไปพลางๆ
รถสาธารณะอีกอย่างที่มีก็คือรถรางครับ

เป็นศาลเจ้าครับ เวลาอยู่กับหิมะสวยดี

เหมือนเป็นสวนอะไรซักอย่างที่นี่กว้างมากครับ

แต่เนื่องจากหิมะหนามากเค้าไม่ให้เข้า เรื่องจากอันตราย กลัวคนตกบ่อน้ำ

เดินไปมาก็เจอหอศิลป์ของซัปโปโร ไหนๆก็มาแล้วก็เข้าไปดูซักหน่อย

โถงใหญ่เหมือนกัน ที่นี่มีแต่คนแก่ๆครับ มาคุยเรื่องศิลปะกัน

ตอนแรกนึกว่าฟรี แต่เสียค่าเข้าชมด้วย 500 เยน ไหนๆก็หลงมาแล้วเอาให้จบ

งานส่วนใหญ่เป็นงานออกแนวโบราณ

ที่ฮอกไกโดก็ขึ้นชื่อเรื่องการเป่าแก้ว ดังนั้นก็ถือว่าเป็นศิลปะที่ดังที่นี่

ออกจากหอศิลป์แล้ว ร้านที่เราจะมาก็อยู่ใกล้ๆกันนี่เอง ร้าน Suol Store

ร้านนี้จะมีเอกลักษณ์ที่ โกโบทอด

พอกินซุปแกงกะหรี่ ประทับใจมาก อารมณ์ไม่เหมือนพวกข้าวราดแกงเลย ซุปก็ซดได้คล่องดี แล้วก็ชอบผักที่นี่มาก ผักที่นี่มีรสหวานอร่อยสุดๆ โดนครับ
จากนั้นก็เดินกลับไปแถวๆสึสึกิโนะ ซึ่งอยู่ในเมืองซัปโปโรต่อ
สิ่งที่ขึ้นชื่ออีกอย่างที่ฮอกไกโดก็คือ เนื้อแกะครับ แล้วก็ประเภทอาหารเนื้อแกะที่ดังมากของที่นี่คือ เนื้อเจงกิสข่าน
ว่าแล้วก็อย่ารอช้า มาร้านเนื้อเจงกิสข่านกันดีกว่า ร้านนี้อยู่ในซอกเล็กๆ ตอนแรกก็หาไม่เจอ

ร้านข้างในเล็กมาก เป็นการนั่งแบบเคาเตอร์ ควันโขมงเลย

เลือกดูในเมนูกันเลย

แล้วก็จัด นามะลามุเจงกิสข่าน (เนื้อลัมสด) *Lamb = เนื้อลูกแกะที่ยังไม่หย่านมแม่ เนื้อจะนุ่มมาก แล้วก็ไม่คาว 700 เยน

เตาเจงกิสข่าน มันก็ประมาณ เตาหมูกะทะบ้านเราครับ เท่าที่ดูคาดว่า หมูกะทะบ้านเราคงไม่ได้เอารูปแบบมาจากเกาหลี แต่เอามาจากเนื้อเจงกิสข่านมากกว่า แต่ว่าด้านข้างเค้าไม่ได้ใส่ซุปแบบบ้านเรานะครับ แต่จะเป็นการเอาผักมาย่าง

จากนั้นก็สั่ง ไส้หมู (500เยน)

แล้วก็เนื้อลัมหมัก (700เยน)

แล้วเครื่องดื่มเนื่องจากไม่กินเหล้า เลยจะสั่งชาอูลอน แต่เนื่องจากไม่รู้เรื่อง เลยโดน อูลอนไฮ(450เยน) นั่นก็คือ เหล้าผสมชาอูลอน ดีที่ไม่ได้ชงหนา เลยพอกินได้
เครื่องติดแล้ว ต่อร้านต่อไปในระยะใกล้เคียงเลยครับ อยากกินซูชิมาก แต่ร้านที่แนะนำก็ไม่รู้จะกินร้านไหน เลยลองมามั่วๆร้านนี้ เป็นร้านใหญ่มากราคาก็ไม่แพง คนกินก็เยอะ เลยจัดซะ
มาคนเดียวก็ต้องมาจัดตรงที่เคาเตอร์

ที่นี่มีโปรโมชั่นโทโร่ 5 ชิ้น 5ชนิด 1500 เยน (คุ้มมากกกกกกกกก)
เนงิโทโร่มากิ

แล้วก็มี มากุโร่ โอโทโร่ จิวโทโร่ แล้วก็ แบบย่างไฟ

จากนั้นอยากลองปลาอื่นๆด้วยที่หากินที่บ้านเราไม่ค่อยได้ หรือได้ก็ไม่สด
เอ็นงาวะ (198เยน)

อาจิ (148เยน)

โฮตาเตะ (128เยน)

อันนี้เป็นไข่ปลาแฮริ่ง (198เยน)

ปูหิมะ (198เยน)

อิคุระ (248เยน)

จากนี้ก็ลังเลอยู่ว่าจะต่อมั้ย แต่กราะเพาะยังเรียกร้องของอร่อยต่อ เลยจัดเต็มครับ
มาที่ร้านใกล้ๆร้านสุชิเมื่อกี้ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชื่อว่า คิตะโนะอุมิเตะบาโกะ ฟู

จัดอาหารที่เค้าแนะนำมาเลย อย่างแรกเรียกน้ำย่อยด้วย หอยโฮตาะเตะย่างเนย (650เยน)

ย่างกันทั้งฝาเลย แล้วก็ใส่เนยลงไป

กินเสร็จแล้วจะมีน้ำที่ได้จากการย่างเหลืออยู่ เค้าก็มีข้าวนิดนึงให้ใส่ลงไปคลุก อร่อยมากกก

มาฮอกไกโด ที่ขาดไม่ได้ก็คือสิ่งนี้ ปูทาราบะะะะะ อันนี้เอามาย่างครับ (2500เยน)

หลังจากที่ลองย่างหลายแบบ ย่างให้สุกไม่มาก นี่อร่อยที่สุดครับ เนื้อไม่แห้งเกินไป

แล้วก็บีบเลมอนใส่ลงไปเลย ซี๊ดดดดดดดด

แล้วก็อาหารแนะนำอีกอย่างก็คือปลาคินกิ เป็นปลาที่แพงเอาเรื่องเลย ตัวนี้เป็นตัวเล็กๆ ราคา 4000เยน
แต่รสชาติประทับใจมากครับ อร่อยสุดๆ

บีบเลมอน แล้วก็อ้ามมมมมม

หมดมื้อนี้ไป 7พันกว่าเยน ก็ว่าหนักแล้ว หลังจากนี้ก็ยังหนักข้อกว่าอีก

.
.
.
.
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 3
วันนี้แวะมาตลาดตั้งแต่เช้า เป็นตลาดที่ไม่ไกลจากตัวเมืองนักชื่อว่า ตลาด นิโจวอิจิบะ

มาถึงก็ตื่นตาตื่นใจกับปูทาราบะเป็นจำนวนมาก

อาหารอื่นๆก็น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหอยโฮตาเตะแห้ง อิคุระ(ไข่ปลาแซลมอน) บรรจุในกระปุก หรือ อุนิ(หอยเม่น)สดๆ เมนไทโกะ

นอกจากปูทาราบะ ก็ยังมีปูขน และปูหิมะ

ปลาก็มี

อย่างโอโทโร่ที่นี่ถูกมาก แพคใหญ่ๆนี่ 2-3000 เยน

หอยตัวใหญ่ๆสดๆทั้งนั้น

ตัวใหญ่ตัวนี้ 14,500 เยน

ไข่ปลาแซลมอนกระปุกใหญ่ๆนี่ 1,500 เยน ส่วนหอยเม่นนี่ถาดล่ะ 2,500 เยน

ปูเป็นๆ ตัวใหญ่มากกกกกกก

หอยโฮตาเตะตัวใหญ่ๆ ตัวล่ะ 300เยน

ชุมชนปูอัด

ป้าคนนี้จัดเลย 1 ตัว

เช้าๆร้านอาหารเปิดน้อย เช้านี้ก็กินที่นี่เลยแล้วกัน

ที่สั่งมาเป็นมินิด้ง แยกมา 4 ชนิดกันเลยครับ (2,580เยน)

เริ่มจากพระเอกก่อนเลย ข้าวหน้าโอโทโร่ เนื้อนุ่มละลายได้เลย อร่อยแบบคาดหวังได้เต็มที่

ข้าวหน้าหอยเม่น เนื้อหอยเม่นสดๆจะหวานมากกกก
(ถ้าไม่สดค้างคืนจะออกรสขมและเหม็นคาวทันที)

ข้าวหน้าหอยโฮตาเตะ เนื้อหอยสดๆนี่ ไม่มีกลิ่นเหม็นเลย เนื้อนุ่มๆกรุบๆ

ข้าวหน้าอิคุระ อันนี้สุดยอดอยู่แล้ว

ตบท้ายด้วยซุปเต้าเจี้ยวก้ามปูทาราบะ ปิดมื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ


กินเสร็จวันนี้ก็ตั้งเป้าจะไปเดิน OUTLET ของที่นี่ซักหน่อย
หลังจากนั่งรถไฟใต้ดินมาจนสุดสายแล้วก็มาต่อรถเมล์ ก็ต้องเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบซักหน่อย

มาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 3 เพิ่งเคยนั่งรถเมล์นี่ล่ะ จะตื่นเต้นกับคนขับที่มีไมค์ลอยคอยบอกนู่นบอกนี่ จะเลี้ยวซ้ายขวา พี่แกก็บอกหมด

นั่งรถเมล์มาได้ 15 นาทีก็มาถึงแล้ว MITSUI OUTLET PARK แถวนี้บ้านนอกมาก ถ้าหลงทางคงกลับไม่ถูก

หลังจากช้อปปิ้งจนหนำใจแล้ว ก็เอาของไปเก็บที่โรงแรม จากนั้นก็ตลุยกินต่อ วันนี้ก็อยากซุปแกงกะหรี่อีกแล้ว เลยเปิดนิตยสาร ฮอกไกโด วอร์คเกอร์ซะ มาลงที่ร้านนี้
Soup Curry King ร้านนี้นั่งรถไฟใต้ดิน แล้วก็เดินต่อมาอีกราวๆ 15นาที

มาถึงไม่ใช่เวลาที่คนกินข้าวกันไม่มีคนเลย

น้ำเปล่าที่นี่จะใส่ถ่าน (น่าจะเป็นก้อนคาร์บอน) ทำให้น้ำเค้าใสมาก

สั่งไปพักนึงได้ยินเสียง ทอดผัก ทอดไก่ แล้วก็ได้มาจนได้ ที่ผมสั่งไปคือ แกงกะหรี่ไก่เพิ่มผัก (1,100เยน)

ข้าวหุงด้วยขมิ้น

ตัวแกงใส่เนงิเยอะมาก ชอบๆ

ผักที่นี่จะเอามาทอดผ่านน้ำมันด้วย ทำให้ผักกรอบมาก แล้วก็นุ่มมากด้วย

เนื้อไก่ที่นี่นุ่มมากครับ สำหรับที่นี่ผมให้หมดใจเลย อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จากนั้นก็กลับเข้าเมืองต่อ ก็มาเดินเล่นแถวสถานีซัปโปโร ที่นี่จะมีห้างติดกันหลายห้าง อารมณ์เดียวกับตอนไปสถานีโอซาก้า (ประมาณสยามบ้านเราที่มีห้างกระจุกอยู่เพียบ)

อันนี้คืน 1 ใน 6 ห้างระแวกนี้ ไดมารู

เดินไปย่านสึสึกิโนะ ระหว่างทางซื้อมันเผา กับ ไทยากิไส้คัสตาร์ดกิน
มันหวานมาก กินได้ทั้งเปลือกเลย (350เยน)

ไทยากิ ไม่ได้คาดหวังมากแต่ดันอร่อยสุดๆเลย แป้งเหนียวๆแบบโมจิ แต่ไส้เยิ้มมาก ราคาถูกเหลือเชื่อ 2 อัน 130เยน

จากนั้นก็เข้าสู่มื้อเย็น ไม่รู้จะกินอะไรดีมันอึนๆ เลยหาของร้อนกินดีกว่า ร้านนี้เปิดจาก google map เห็นให้เรทติ้งดี แล้วก็มีคนเข้าคิวเลยจัดเลย

ร้านนี้เน้นนาเบยากิ คือพวกหม้อร้อนครับ (1,380เยน)

สั่งชามากิน แล้วก็ดันเข้าอีหรอบเดิม อูรอนไฮ(500เยน)

น้ำซุปที่นี่ตอนแรกนึกว่าเป็นน้ำเต้าหู้ แต่มันคือน้ำซุปทงคัตสึ ต้มด้วยกระดูกหมูไฟแรงๆเป็นเวลานานๆครับ

อาหารที่นี่ไม่ได้หวือหวามาก อารมณ์ไม่ค่อยต่างจากกิน MK บ้านเราเท่าไหร่ ต่างกันที่น้ำจิ้มที่นี่จะเป็นปอนสุ

ที่นี่จะมีช้อนใหญ่ๆ ไม่มีช้อนเล็ก คือช้อนใหญ่ๆนี่เค้าใช้แทนชามเลย ซดกันแบบนี้เลยสะใจดี

จุดขายที่นี่รู้สึกจะเป็นเรื่องของความสดของผัก เหมือนเค้ามีฟาร์มผักของตัวเอง ตอนออกจากร้านเค้าจะมีผักสดให้เอากลับบ้านด้วย แต่ผมไม่เอาไม่รู้เอาไปทำอะไร