Browse
เนื่องจากดูรายการอาหารญี่ปุ่น รวมทั้งอ่านการ์ตูณบิ้วได้ที่ เลยทำการวางแผนตลุยกินที่เกาะฮอกไกโด รอบนี้ที่ไปก็อินดี้ไปคนเดียวตลุยเดี่ยวอีกแล้วครับ
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 1
หลังจากเครื่องลงแล้ว เลือกหนังสือที่จะตลุยกินแล้ว เอาของเก็บในโรงแรมแล้ว ดูเวลาก็เกือบๆ 4 โมงเย็นได้ต้องออกไปหาอะไรกินแล้ว
ใกล้ๆโรงแรมก็มีสถานที่ที่มีชื่อเสียงของซัปโปโร ที่นี่คือหอนาฬิกาอันเก่าแก่ของที่นี่ ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของซัปโปโรก็ว่าได้ครับ
โมเดลจำลอง สมัยก่อนยังไม่มีตึกขึ้น
โถงชั้น 2
เดินเล่นอยู่นานก็ค่ำแล้ว ร้านแรกของที่นี่ว่าจะเรียกน้ำย่อยด้วยของหวานก่อน
และแล้วก็เลือกร้าน ไอศครีม Bar HOKKAIDO มิลค์มุจิ
หน้าร้านน่ารักดี
จริงๆร้านนี้เป็นบาร์เหล้าครับ ส่วนตัวเป็นคนไม่กินเหล้า ตอนแรกคิดว่ามาผิดที่รึเปล่า
จัดมาเซตนึง ในเซตนี้จะมี ไอศครีม แล้วก็ให้เลือกเหล้า 5 …
หลังจากที่ติดค้างร้านราเม็งแชมเปี้ยนที่อารีน่า10 ว่าจะลงให้ครบแล้ว ขอแก้ตัวโดยการลงรวดเดียว 4 ร้านที่เหลือเลยนะครับ ^^”
ต่อมาที่ร้าน “คิบิ” ครับ จุดขายคือราเม็งซุปไก่ที่มีความเข้มข้นของคอลลาเจนมาก!!??
หน้าร้านครับ
ชามนี้ก็คือจุดขายของเค้า ไพตันสเปเชี่ยล (เพิ่มไข่กับ ไก่ย่าง)
ไก่ย่างอร่อยมากครับ
ไข่มีการปรุงรสด้วย จะมีรสเค็มๆ
ชาชู นุ่มๆ และมันมาก
เส้นจะใช้ขนาดกลางครับ
น้ำซุปนี่ล่ะครับที่เป็นจุดขาย เห็นใสแบบนี้น้ำข้นมากๆๆๆ แล้วก็ออกมันมากตามรูปเลย แต่รสเข้มมาก
ส่วนอีกเมนูที่เป็นจุดขายของร้านก็คือ โตเกียวสเปเชี่ยล(เพิ่มไข่กับไก่ย่าง) ซึ่งก็คือ โชยุราเม็งนี่เอง
เพิ่มไข่เหมือนชามเมื่อกี้ครับ
ไก่ย่างอร่อยจริงๆ ถ้ามากินไม่อยากเสียเที่ยวก็ต้องเพิ่มครับ
ชาชูเหมือนชามเมื่อกี้ครับ
เส้นเป็นแบบกลางเหมือนกันครับ
ส่วนตัวซุปนั้นไม่ข้นเหมือนซุปไก่ เป็นซุปโชยุแบบโตเกียว ซึ่งจะหนักเค็มมาก (คนโตเกียวชอบกินเค็มๆ) …
ตอนพิเศษ: ตลุยกินอาหารญี่ปุ่นที่ฮอกไกโด 6วัน 6คืน!!!!! (ภาคจบ)
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 4
วันนี้ไม่ได้อยู่ในซัปโปโรครับ วันนี้ออกมาลุยที่โอตารุ ก่อนหน้านี้ได้อ่านการ์ตูนและดูรายการโกโกริโกะ(Reference แต่ล่ะอย่างน่าเชื่อถือทั้งนั้น) ก็ได้ข้อมูลมาว่าที่นี่อาหารทะเลสุดยอดไปเลย
นั่งรถไฟมาได้ 40 นาทีจากซัปโปโรก็มาถึงโอตารุ มาถึงก็สัมผัสได้ว่า บ้านนอกมาก

จากนั้นก็ตรงรี่ไปที่ตลาดซันคากุอิจิบะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานีเลย
มาถึงก็จัดข้าวเช้าชุดใหญ่ที่ร้านนี้ ร้านนี้จะไม่มีวัตถุดิบที่ครัวเลย ลูกค้าอยากกินอะไรเค้าก็ไปเอาของสดจากตลาดมาทำให้กินกันสดๆเลย ได้ใจไปเต็มๆ

เริ่มจากโดปหอยนางรมก่อน หอยนางรมตัวนี้ใหญ่เท่าตะเกียบเลย (ตัวใหญ่ตัวล่ะ 400เยน)

จากนั้นก็มาพระเอกของมื้อนี้ ประทับใจมากสุดๆ เป็นอาหารแนะนำของที่นี่เลย (1 ชาม 2500เยน)

หอยอาวาบิ (เป๋าฮื้อ)

ไข่ปลาแซลมอน

หอยโฮตาเตะ แล้วก็แซลมอน (อร่อยมาก)

กุ้งโบตั๋น แล้วก็ไข่กุ้ง ไข่กุ้งนี่อร่อยมากมันจะติดกันเป็นพวกกัดทีเดียวกรุบๆเลย

ปลาหมึกสดๆ ของสดๆนี่ดีจริงๆ ไม่เหนียว ไม่คาว เคี้ยวกรุบๆเลย

กั้ง และขาปูทาระบะอีก 3 ขา

แล้วก็ไข่หอยเม่น เมื่อวานว่าอร่อยแล้ววันนี้ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่

เปิดดูตัวเต็มๆของกุ้งโบตั๋น มารู้ทีหลังว่ากุ้งบ้านี่แพงมาก (โลล่ะเกือบแปดพันบาทไทย)

แล้วก็สั่งของแปลกมาลอง ซาซิมิปลาบิน (1300เยน) เนื้อมันจะแน่นๆ อร่อยดีครับ

หลังจากอิ่มหนำกับอาหารทะเลสดๆแล้ว เดินมาซัก 20 นาทีก็มาที่ร้านของหวานที่อยู่ในย่านการค้าที่นี่ (เป็นย่านการค้าที่เงียบเหงามาก)
ร้านไอศครีมพาร่ามิโซโนะ

ของโชว์หน้าร้าน นอกจากไอศครีมแล้วยังมีอาหารอื่นๆอีก

เป็นร้านที่เก่าแก่มาก คนขายก็เป็นป้ากับลุงมึนๆ ผมมานั่งได้สักพักแล้วก็ยังไม่รู้ว่ามีลูกค้ามา

แล้วก็สั่งบลูฮาวายโฟลต

ไอศครีมที่นี่อร่อยดีครับ คาดหวังได้เลย

ใกล้ๆนี่ก็มีร้านขายผลไม้ด้วย

ยิ่งเดินไปก็ยิ่งรู้สึกว่านอกเมืองจริงๆ ไม่มีตึกสูงเลย

ที่นี่รู้สึกจะเป็นพิพิธภัณฑ์ธนาคารของญี่ปุ่น แต่ไม่ได้เข้าไปครับ

เดินมาได้สักพักก็ถึงจุดที่มีทัวร์ลง

คนเยอะจนน่าตกใจมาก คนพากันเข้าแถวถ่ายรูป เลยเข้าไปมุงกับเค้าด้วยกะว่าต้องมีอะไรดีๆแน่ๆ

แต่พอถ่ายรูปเสร็จพวกทัวร์ก็ขึ้นรถกลับซะงั้น!!!?? ปล่อยให้ผมงงต่อไป
คือเค้ามาถ่ายรูปกับไอแม่น้ำนี้ครับ

มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ สวยก็ไม่สวย แต่รู้สึกตรงนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนเป็นเมืองเก่าอะไรนี่ล่ะ ตั้งแต่ปี 1923 แต่ตอนนี้หิมะหนาเลยไม่ค่อยเห็นอะไร ผ่านไปแล้วกันครับ
ข้างๆแม่น้ำเป็นร้านเบียร์

นี่ก็ร้านเบียร์

เดินไปมาก็เริ่มหลงทางแล้ว แถมหิมะก็ตกหนักด้วย ลื่นก็ลื่น หนาวก็หนาว ลำบากสุดๆช่วงนี้

เดินฝ่าหิมะมาได้ราวๆ 30 นาทีก็กลับมาสู่ในแผนที่เดิมของผม
มาถึงจุดมุ่งหมายของการเดินทางในโอตารุนี้แล้ว นั่นก็คือที่นี่ ชื่อยาวหน่อยนะครับ “คิตะอิจิการะสึซังโกวคัง (คิวกิมุระโซวโคะ)”

เข้ามาก็สั่งของกินก่อนเลยที่เคาเตอร์นี้

ข้างในนี้อเมซิ่งสุดๆ บรรยากาศโรแมนติกอย่างเทพ เกินหาคำบรรยายมาให้ได้ครับ เพราะของจริงสวยกว่าในรูปเยอะ

ข้างนอกหิมะตกหนาวๆ ข้างในอากาศอุ่นๆ กับบรรยากาศใต้ไฟจากตะเกียง

จริงๆควรมีคนมานั่งด้วยข้างๆ
แต่ตอนนี้มีแค่ คาราเมลมิลค์ทีถ้วยนี้

กับช็อคโกล่าช็อตเค้ก ชิ้นนี้

แล้วผมก็มาในช่วงจังหวะดีทีเดียว มีการเล่นเปียโนสดตอนนี้พอดี สุขจนน้ำตาใจไหล

อา……

ข้างๆก็มีร้านของพวกเครื่องแก้ว ที่โอตารุจะมีชื่อเสียงการทำเครื่องแก้วมากครับ

แถวนี้ๆก็มีร้านขายของฝากจำนวนมาก นอกจากเครื่องแก้วแล้วก็มีร้านขายขนมจำนวนมาก

ส่วนร้านนี้เน้นช็อคโกแล็ต (อร่อยมาก)

ร้านเดียวกันแต่อยู่คนล่ะฝั่งถนนครับ

ร้านเดียวกันแต่เน้นขายเค้ก

ร้านขายตุ๊กตาน่ารักดี

เดินขากลับผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์ธนาคาร กลางคืนสวยมากๆ

มาถึงสถานีโอตารุกำลังจะซื้อตั๋วกลับ ก็มาเห็นเค้าจัดเทศการเด็กผู้หญิง ฮินะมาสึริ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาของทุกปี

ก่อนกลับแวะมาที่สถานีใกล้ๆก็คือ มินามิโอตารุ ก็มีจัดด้วย แต่อันนี้มาแปลกพี่แกจัดบนขั้นบันไดเลย

แถมมาถึงดันเพิ่งบอกว่า ตอนนี้โอตารุเดินทางฟรี
(มาบอกตอนออก)

มาถึงวิงเบย์ (Wing Bay) เป็นเมืองท่าของที่นี่ จะมีห้างและ OUTLET มากมาย แต่ขอบอกว่าเสียเวลามามาก ไม่ค่อยมีอะไรเลย เพราะที่ซัปโปโรของยังเยอะกว่าอีก
ที่สำคัญผมลงรถไฟมาผิดป้าย ลงมาเร็วไปป้ายนึง กว่าจะรู้ว่าลงผิดก็เดินมาถึงแล้ว 
แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็ขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่นี่หน่อยดีกว่า 1คน 600เยน 2-4คน 800เยน

แต่ก็เอาซักหน่อย ขอบอกว่าเป็นคนเดียวในชิงช้าสวรรค์ทั้งกงล้อเลย !!!! ไม่มีคนสุดๆ อินดี้มากคนไทยคนนี้

และอินดี้มากๆเมื่อมารู้ว่าจริงๆที่ซัปโปโรก็มีชิงช้าสวรรค์เหมือนกัน แต่สูงกว่าและวิวดีกว่าด้วย (แต่ไม่ขึ้นล่ะงอล
)

ถึงตอนนี้หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย เลยขอชุดใหญ่ซักชุดแล้วกันก็มาที่ร้านอาหาร เรียวริยะ ฮาจึกิ

มาที่นี่ก็สั่งฟูลคอร์สอาหารญี่ปุ่น (5,000เยน) แล้วก็เพิ่มปลาคินกิยากิ (ไอปลาสีแดงๆแพงๆนั่นล่ะครับ) (6,500เยน)
ออเดิร์ฟมาก่อนเลย

อันนี้เป็นเหมือนยำผักครับ

เป็นปลาทอดราดด้วยน้ำเปรี้ยวๆ เรียกน้ำย่อยได้ดี (ไม่ต้องเรียกแล้วคร๊าปปป หิวสุดๆเลย)

อันนี้เหมือนเป็นแป้งอะไรซักอย่าง ถามเชฟแล้วก็จำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร

อันนี้เป็นโกโบครับ

เครื่องดื่มก็จัด จิงเจอร์เอลุ (น้ำขิงผสมโซดา) มาแก้วนึง โดนๆๆ (400เยน)

ต่อด้วยซาซิมิรวม

ปลาอะไรไม่รู้ถามเค้าแล้วก็ชื่อแปลกๆจำไม่ได้ แต่อร่อยดีเนื้อแน่นครับ

สึเคะปลาอาจิ

มากุโร่เนื้อแดง กับกุ้ง

ปลาฮาตะฮาตะ ตากแห้ง

มาถึงของเด็ดที่สั่งเพิ่ม คินกิยากิ

ชอบมากๆ เนื้ออร่อยสุดๆ ตัวนี้เนื้อเยอะกว่าร้านก่อน (แต่ก็แพงกว่าเกือบเท่าตัว)

ชิราโกะ มันคือน้ำเชื้อของปลาฟุกุครับ คนญี่ปุ่นชอบกินมาก ผมเพิ่งได้ลอง ขอบอกว่าอร่อยมากระดับ 5 ดาวเลย
ติดใจมาก

ต่อด้วยข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอน

กินกี่รอบก็ไม่มีเบื่อ

ทางร้านก็เอาน้ำที่เหลือจากคินกิยากิมาให้ราดกับข้าวด้วย

คลุกแล้วก็จัดเลย อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

จบก็ซดซุปร้อนๆ

ของหวานจะเป็นมูสชี้สอะไรซักอย่าง อร่อยดีครับ

อันนี้เค้าแถมให้ เพราะบอกว่าเป็นคนไทยมาตลุยกินที่นี่ เค้าถูกใจมาก

มื้อนี้หนักมากๆ 5,000 + 6,500 + (400×2) = 12,300 เยน แต่คุยถูกคือเค้าลดให้เหลือ 10,500 เยน (แพงไอปลาคินกินี่ล่ะ)
.
.
.
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 5
.
วันนี้ตื่นสายๆ เนื่องจากเมื่อวานเหนื่อยมาก
เช้านี้นึกว่าหิมะจะละลายหมดแล้วที่ไหนได้ตกเพิ่มขึ้นมาซะงั้น แต่ทั้งเมืองกลายเป็นสีขาวหมด สวยงามมาก

แม่น้ำก็มีแต่หิมะ ลงไปท่าทางจะหนาว

ใครจอดจักรยานไว้ก็รับผลได้เลยครับ

วันนี้ชักเบื่ออาหารญี่ปุ่น เปิดหนังสือแนะนำดูอยากกินอาหารฝรั่งเศสมาก มาเล็งร้านนี้ไว้ ร้าน ICHIRO แต่อยู่ไกลมากแทบไม่มีอะไรบอกในแผนที่เลย ขึ้นจากรถไฟใต้ดินแล้วก็เดินมาอีก 30 นาทีลำบากสุดๆ

ร้านนี้เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสเล็กๆ สไตล์โฮมเมด

ตอนแรกที่มามีแค่โต๊ะเดียวเอง แต่ว่าพอมานั่งได้แป๊บนึงคนเต็มร้านเลย

ร้านอาหารฝรั่งเศสที่นี่จะมีตะเกียบด้วย

ตอนแรกอยากกินเนื้อแกะย่างมาก แต่ว่าไม่มีซะนี่ ไม่เป็นไร ถ้าร้านอร่อยอะไรมันก็ต้องอร่อย
ก็เลยจัดคอร์สอาหารกลางวันมา (จำราคาไม่ได้ประมาณ 2,300เยน)
จานสลัดมาแล้วครับ จำชื่อไม่ได้ ไม่ได้จดมาด้วยสิ

เป็นปลาทอดแล้วก็น้ำราดเป็นน้ำส้มสายชู อร่อยมากครับ

ผักก็สดมาก อร่อยจริงจังเลย

เสริฟขนมปังแล้ว

ครีมซุปแบบเย็น อร่อยโพดๆ

ขนมปังกรอบก็ได้สัมผัสกรุบๆ

จานหลักมาแล้วครับ เป็นเนื้อตุ๋นกับผักย่าง

เนื้อนุ่มมากกกกก ผักก็อร่อยสุดๆ

ของหวานเป็นมูสช็อกโกแล็ต

ความสุขอยู่ตรงนี้เอง

กินเสร็จก็ดื่มชาซักแก้ว

ตอนขากลับก็เจอตึกนึงประทับใจมาก ตีกปาจิงโกะ!!! ออกแบบมาเป็นรูปปาจิงโกะเลย

พอกินอาหารฝรั่งเศสแล้วก็อยากกินอาหารญี่ปุ่นอีก ที่ใกล้ๆกันนี้(จริงๆไม่ใกล้เท่าไหร่) ก็มีตลาดใหญ่ของซัปโปโรแถวนี้ นั่นคือ ซัปโปโรโจวไคอิจิบะ

ปูเยอะกว่าวันก่อนอีก

ผักสดๆก็มี

เมลอนนนนนนนน (แพงแสรดดดดดดดด)

เค้ามีหั่นแยกขายด้วยชิ้นล่ะ 100 เยน เลยจัดมาลอง 2 ชิ้น ชุ่มช่ำมาก หวานสุดๆ

อ้ามมมมมมมม

ไอปลาคินกิที่ว่าแพงๆ ตัวนี้สดๆ 6,800 เยน

หอยที่ตลาดนี้ใหญ่จริง สดจริง แพงจริง

หอยอาวาบิ(เป๋าฮื้อ) ตัวล่ะ 1,800 เยน กุ้งโบตั๋น 3ขีด 4,800 เยน (คิดเป็นกิโลประมาณ 7,900 บาทไทย
)

บ้านเมืองมีปูจริงๆ

มาตลาดก็ต้องมาร้านอาหารแถวๆตลาด เลยมาแวะที่ร้านนี้ ไทเรียวซุชิ วาคาโคมะ

อยากกินอุนิด้งมากขอจัดซักหน่อย (2,300เยน)

อาวาบิยากิ (เป๋าฮื้อย่าง) (3,000เยน)

ขอจัดซูชิซักหน่อย
จิวโทโร่ (400เยน)

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะ ปลานิชิน (200เยน)

สุไวคานิมากิ (150เยน)

โทโร่แซลมอน (200เยน) อันนี้เชฟเค้าแถมไข่ปลามาให้ตกแต่งจะได้ถ่ายรูปสวยงาม

จากนั้นเชฟก็แถม อิคุระกุงกังมากิ (ไข่ปลาแซลมอน) ให้ 1 อันเผลอกินจนลืมถ่าย แล้วก็แอปเปิ้ลอีก 3 ชิ้น
หลังจากนั้นก็กลับมาที่ตัวเมืองเดินเล่นที่สถานีซัปโปโร ว่าจะกลับไปหาอะไรกินแถวๆสึสึกิโนะ หน่อยปรากฎหว่าหิมะตกหนักมากๆ ก็เลยเดินๆอยู่ที่ห้างแถวสถานีอยู่นานเลยตัดสินใจ….
จัดหนักกินอาหารฝรั่งเศสร้านนี้ Mikuni Sapporo อยู่ชั้น 9 ของ Stella Place ที่สถานีซัปโปโร
แค่ทางเข้าก็หรูหราแล้ว ที่ชั้นนี้จะมีร้านอาหารร้านนี้ร้านเดียว

บรรยากาศในร้านหรูหรามาก ข้างนอกก็หิมะตก โรแมนติกเป็นที่สุด

พร้อมรบ

และแล้วก็สั่ง คอร์สดินเนอร์ ROSSINI ไป (9,800เยน)
โต๊ะข้างๆก็มีเซอไพส์วันเกิด

ตอนที่อาหารมาจะมีเฮียคนสูงๆหัวเกรียนคนนี้คอยอธิบายอาหารก่อนที่จะกินด้วย ฟังไม่ค่อยทันหรอกแต่สนุกดี
ขนาดโคมไฟเฮียแกยังอธิบายเลย ว่าทำมาจากไหน อะไรยังไง

ออเดิร์ฟมาแล้ว

ขนมปังอร่อยดี

ทาร์ตชีสเบคอน เอามายั่วพยาธิ

ซุปมาแว้วว ดูๆไปเหมือนชานมเลย

ดูใกล้ๆก็เหมือนชานมมีฟอง

แต่มันคือ ซุปกุ้งโอมาลจากแคนนาดา กับ ปูขน น้ำซุปมีนี่มีแต่รสชาติเข้มข้นของปูกับกุ้งเต็มที่ อร่อยสุดๆ เอาใจไปเลย

จานหลักมาแล้ว

“เนื้อบิเอ”(びえい牛) ส่วนฟิเล่ จากฟาร์มชิโยดะ ของฮอกไกโด (http://www.f-chiyoda.com/bieiushi.files/bieiushi.html) ย่างแบบมิเดียมแรร์ ด้านบนเป็นฟัวกรา แล้วก็โรยด้วยเห็นทรัฟเฟิลฝานบางๆ

ย่างได้ดีมากๆๆ ผิวกรอบเนื้อนุ่มมมมม


ฟัวกราละลายยเลยยยยย

เห็ดทรัฟเฟิลก็หอมมากๆ มีความสุขสุดๆ

มันคือศิลปะ

จบความสุขจากจานหลักแล้วก็ต่อด้วยชีสสด ภารกิจคือจงเลือกชีสมากิน 5 อย่างจากในนี้

เลยถามเค้าว่ามีอันไหนแนะนำ เพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องชีสเลย เค้าเลยแนะนำชีสของฮอกไกโดมา 3 อย่าง แล้วก็ชีสจากฝรั่งเศสมา 2 อย่าง

ว่ากันตรงๆไม่ค่อยเก็ตความอร่อยซักเท่าไหร่ คงต้องกินกับไวน์ อย่างชีสของฮอกไกโดจะออกมันๆ หอมนม แต่ชีสจากฝรั่งเศสกลิ่นจะแรงมากๆ อย่างอันสีดำๆนี่ออกรสเผ็ดด้วย
มาต่อด้วยของหวานครับ
ออเร้นจ์ บรามันเจ

ที่เห็นฟองๆนั่นมีรสชาติส้มด้วยนะครับ อร่อยดี

แล้วก็ต่อด้วย ไอศครีมกับมูสไวท์ช็อคโกแล็ต

อันนี้อร่อยจริงจังครับ ชอบมาก

ตบท้ายด้วยน้ำชาตามระเบียบครับ

พร้อมขนมแกล้มชา

จบมื้อเย็นอย่างมาความสุขเป็นที่สุด
ออกมาหิมะหยุดตกแล้ว ก็เลยเดินเล่นยามค่ำคืนซักหน่อย
หอนาฬิกาตอนกลางคืนสวยงามมาก

istudio ของที่นี่

Mac book Air เบาจริงๆนะจ๊ะ

เดินไปมาก็อยากกินเนื้อเจงกิสข่าน ก็จัดซะก่อนเข้านอน มาเจอร้านที่ปิดดึกพอดี

เตาพร้อม!!!!

น้ำจิ้มพร้อม!!!

สั่งเซต 3 อย่างมา ประกอบด้วย Lambสด Lambหมักซอส และ Lambหมักเกลือ

ย่างงงงงงงงงงงงงงง

Lambสดต้องกะทะแบบหมูกะทะอันนี้

สุกแว้วววว

ถ้าอันที่มีการหมักต้องเตาอันนี้

หม่ำล่ะคร๊าบบบบบบ

การกินเนื้อแกะที่ฮอกไกโดนี่ ทำลายอคติเนื้อแกะที่ผ่านมาของผมหมดเลย เนื้อแกะที่นี่นุ่มอร่อยจริงๆครับ มันน้อยไม่เลี่ยนกินได้เรื่อยๆเลย
.
.
.
ตลุยกินอาหารที่เกาะฮอกไกโด วันที่ 6
วันนี้วันสุดท้ายแล้วขอบอกว่าเหนื่อยมากกกกกกก คิดไม่ออกว่าอยากกินอะไร ตอนเช้าเลยวางแผนมาเที่ยวสวนสัตว์ที่นี่ซักหน่อย เพราะสัตว์เมืองหนาวแบบโอเพ่นแอร์หาดูไม่ได้ในบ้านเราอยู่แล้ว
สวนสัตว์ที่ว่าคือ สวนสัตว์มารุยาม่า ต้องผ่านสวนโมริยาม่าก่อน
บ้านคนที่อยู่ตรงสวนเลย ชิวมาก

ชอบสวนที่นี่มากมาเกือบจะกลับแล้วเพิ่งได้บรรยากาศดีๆแบบนี้

ทางเข้าสวน เหมือนประตูวัดเลย

ศาลเจ้าตรงสวน

สวยงาม ชิวโคตรรรรรรรรรรรรร

เดินมามั่วๆไปมา ก็มาเจอศาลาที่มีที่ตักน้ำล้างมือ เห็นว่าล้างเพื่อเป็นศิริมงคล อุณภูมิจะเกือบถึงจุดเยือกแข็งยังมาล้างมือกันอีกเหรอ

จะมาสวนสัตว์แต่โผล่มาวัดอะไรก็ไม่รู้ ทัวร์จีนลงเพียบเลย

ไหนๆก็มาก็เข้าไปซักหน่อย

เดินออกไปอีกทาง 600 เมตรไปตามถนนใหญ่ก็มาถึงสวนสัตว์จนได้
มาช่วงเช้าๆยังไม่ค่อยมีคนเลย

อยู่แถวๆภูเขาเลย

อา..นกกระเรียนในตำนาน ที่ว่าตกดึกจะเป็นหญิงสาวทอผ้า
สงสัยต้องช่วยออกจากกรงแล้ว!!!

สีชมพู

นกเพนกวิ้นนนนนน

ระยะประชิด

หมีขั้วโลก ในกรงจะเป็นตัวผู้ ด้านนอกจะเป็นตัวเมีย ช่วงนี้เค้าแยกกันอยู่

อีกมุมนึงเค้ากำลังให้อาหาร แล้วก็กำลังอธิบาย

เด็กๆให้ความสนใจมาก (เด็กญี่ปุ่นแค่มองก็อมยิ้มแล้ว)

มะมะมะแมวน้้ำาาาาาาาาา หน้าตาเหมือนการ์ตูนเลย

นกฮูก หน้าตาเป็นขีดๆ เหมือนกราฟฟิคเลย ตัวนี้โดนมาก

แรคคูนสีแดง น่ารักมากขนปุกปุย

ขอบอกว่าดูเพลินมากกกกกก ตื่นตาตื่นใจเหมือนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง มานี่แล้วหายเหนื่อยเลย ดูนาฬิกาก็เที่ยงครึ่งแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า
มื้อนี้อยากกินซุปกะหรี่อีกแล้ว เปิดดูนิตยสารเล่มเดิม ชี้พิกัดที่ร้าน gop โนะ อานากุระ
กว่าจะมาร้านนี้ได้ก็ลำบากเอาเรื่อง เพราะเหนื่อยสุดๆ นั่งรถไฟใต้ดินมาแล้วก็เดินมาอีก 20 นาทีก็ถึง

มาที่ร้านนี้ก็เหลือบเห็นการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือ…..

โอ้วแม่จ้าวว เลยบอกไปว่าผมมาจากประเทศไทย พี่แกตื่นเต้นมาก พี่แกเลยโชว์เครื่องปรุงให้ดูอันได้แก่
-พริกขี้หนู
-น้ำปลา
-กุ้งแห้ง
นี่ตกลงเราได้มากินอาหารไทยที่นี่เหรอเนี่ยยย
แต่ที่ออกมาก็ไม่ได้เป็นแกงไทยอย่างที่คิด เพราะพยายามเลือกแบบที่ห่างจากไทยให้มากที่สุด
เลือกซุปแกงกะหรี่ไก่ ท็อปปิ้งด้วยเนื้อแกะ
(980+300เยน)

เนื้อไก่น่องใหญ่มาก

กินกับข้าวขาว

รสชาติอร่อยครับ แต่ผมชอบร้านที่ 2 มากกว่า เพราะร้านนี้กินดูก็ได้รสแบบไทยๆอยู่ด้วยครับ คือไม่ได้ไม่ชอบ แต่มันชินรสชาติแล้วเลยไม่แปลกใหม่เท่าไหร่ (จะแปลกใหม่ก็เนื้อแกะนี่ล่ะ ชอบมาก) แต่ร้านนี้คนเยอะที่สุดในบรรดาร้านแกงกะหรี่ที่มากินที่สุด ท่าทางคนญี่ปุ่นจะชอบรสชาติแบบนี้ นอกจากนี้ร้านนี้ยังมี
-ไอติมกะทิ
-แกงใส่กะทิ
กินเสร็จก็นั่งคุยกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านชอบประเทศไทยจริงๆ รักประเทศไทยมาก ชอบอาหารไทย (พูดไปก็อาย ตูหนีประเทศมากินอาหารที่นี่) เมื่อวานเพิ่งตำส้มตำมา แต่ญี่ปุ่นไม่มีมะละกอ เลยใช้แตงกวา เลยแนะนำไปว่าลองใช้พวกแครอท แอปเปิ้ล ดู ท่าทางแกตกใจว่าผลไม้ก็ทำได้เหรอ
อยู่ได้ซักพักก็ขอตัว นี่คือหน้าตาเจ้าของร้านกับแฟนเค้า

จบจากนี้ก็กลับเข้าเมืองไปซื้อของฝาก ขนมนมเนย รู้ตัวอีกทีก็เย็นแล้วจริงๆอยากกินอีก 2 มื้อ แต่ด้วยเวลาต้องทำเวลามาก (ตั้งใจว่าจะต้องเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพราะต้องตื่นเช้ามาก)
ก็เดินเลือกร้านอยู่ซักพักใหญ่

จะกินปูดีมั้ย

หรือราเม็งดี ในรูปเป็นซอยราเม็งในนี้มีแต่ราเม็งอย่างเดียวเลย

และแล้วก็เลือกร้านนี้ ซึชิโดโกโระ คันโนะ

พร้อมรบ!!!

ที่นี่จะมีโชยุอยู่ 2 ขวด เค้าบอกว่าขวดนึงไว้กินกับ ซาซิมิ อีกขวดไว้กินกับซึชิ โชยุที่กินกับซาซิมิอย่างเดียวนั้นจะมีความเข้มข้นมากกว่า
และแล้วก็จัดชุดซึชิชุดพิเศษ 10คำ (3,990เยน)
เป็นนิงิริ 7 คำ

ซึ่งได้แก่
ปลาอะไรก็ไม่รู้ เชฟดันพยายามพูดเป็นภาษาอังกฤษ เลยยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ แต่อร่อย

ปูทาระบะ เนื้อแน่นๆ

หอยโฮตาเตะ

พระเอกของเครื่องซึชิ โอโทโร่!!!! ขอบอกว่าเป็นโอโทโร่ที่สวยงามที่สุด ตอนที่กินที่ตลาดปลาสึคิจิที่โตเกียวเนื้อยังไม่สวยขนาดนี้เลย แล้วก็อร่อยสมหน้าตาด้วย


อันนี้ก็ลืมว่าปลาอะไร

แซลมอนนนน เนื้อสวยงามอีกแล้ว อร่อยมากกก

แล้วก็กุ้ง

มีไข่หวานกินแกล้ม

นอกจากนี้ก็ยังมีกุงกังมากิอีก 3 คำ

มันกุ้ง (คือเชฟเค้าเอาหัวกุ้งมาให้ผมถ่ายก่อน ถ่ายเสร็จก็เอามันจากหัวกุ้งตัวนั้นมาทำครับ) เป็นมันกุ้งสดๆเลย อร่อยมากกก

อุนิ จะบอกว่าอุนิที่นี่หวานอร่อยที่สุดในทั้งหมดที่กินมา


แล้วก็อิคุระ

หมดเซตนี้ ยังรู้สึกไม่สาแก่ใจ ก็จัดเพิ่มอีก
โอโทโร่อร่อยมากกก ขออีกชิ้นนนนนนนนน

อุนิก็ขอเบิ้ลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล

ขอลองหน่อย หอยฮกกิ เป็นหอยที่มีชื่อทางฮอกไกโดมาก แล้วก็ไม่เสียชื่อ อร่อยจริงๆ กรุบๆ หวานๆ

ชิราโกะ ขอให้เค้าเอามาทำเป็นกุงกังมากิให้หน่อย ยังจดจำความอร่อยยังไม่ลืม แล้วก็อร่อยมากอีกแล้ววว

แล้วก็ขอตบท้ายด้วยโอโทโร่อีกชิ้น!!!!!! ชิ้นสุดท้ายเชฟใส่วาซาบิด้านบน คงอยากให้ถ่ายรูปสวยๆ

จบมื้อด้วยความอิ่มเอิบครับ ร้านนี้เป็นร้านซึชิที่อร่อยที่สุดเท่าที่กินมาเลยจริงๆ
อย่างพวกโอโทโร่นี่ เค้าห่อกระดาษเก็บอย่างดีเลย เหมือนอย่างที่พี่โน๊ตพูดไว้ในเดี่ยวเลยครับ เนื้อที่คัดมาสวยมากจริงๆ
ขอบคุณมากครับสำหรับมื้อนี้
(สรุปราคาทั้งหมด 7พันกว่าเยน)
จากนั้นอยากอิ่มเอิบกับบรรยากาศของซัปโปโรก่อนกลับ
ผมเล็งไว้ที่นี่
ที่นี่เป็นเสาทีวี ตรงที่ขึ้นมามีความสูงประมาณ 90เมตร
อา…สวยเกินไปแล้ว

มองลงไปด้านล่าง

ข้างบนนี้ก็มีศาลเจ้า แล้วก็มีคนใส่เงินอธิษฐานจริงๆด้วย

ก่อนกลับ อยากกินของหวานๆอร่อยๆซักมื้อ แต่ว่าร้านของหวานส่วนใหญ่ปิดหมดแล้ว
คิดว่าจะอดแล้วเหลือบไปเห็นร้านนี้ เป็นร้านอิตาเลี่ยนแบบเฟรนไชน์

อาหารที่นี่ถูกเว่อร์ๆ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ เผลอๆถูกกว่าพวกร้านพิซซ่าบ้านเราอีก

ที่สั่งมามี 2 อย่าง
ทีรามิสุ 290เยน!!! แม่จ้าวถูกกว่าบ้านเราอีก แต่ขอโทษครับ อร่อยมากกกกกก อร่อยไม่สมราคาเลย


แล้วก็ คาตาลาน่า(Catalana) อร่อยปลื้มมากครับ (2ชิ้น 390เยน)

ที่นี่มีวัยรุ่นมากินกันเยอะมากครับ เพราะราคาอาหารถูกมาก แล้วรสชาติก็อร่อยด้วย เอาใจไปเลย
และแล้วก็ปิดฉากภารกิจตลุยกินอาหารที่ฮอกไกโดซะที