Browse
ติดตามอ่านวันแรกได้ที่ลิงก์นี้ครับ
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2 – โตเกียว (ตอนจบ)
ตื่นตอนเช้าก็เติมพลังซักนิดด้วยขนมมันจูรูปกระต่างจากร้านอุซางิยะเมื่อวานครับ หน้าตาน่ารักทีเดียวเชียว
แหวกดูไส้ในอัดแน่นไปด้วยถั่วแดง
จากนั้นรีบขึ้นรถไฟมาที่สถานี JR Nishikokubunji ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรเลย และที่สถานีนี้ตกแต่งภายในทั้งหมดเป็นแนว คันทรี่ตะวันตก เก๋ ทีเดียว
เดินออกมาก็จะเจอ IZUMI HALL ร้านที่เราจะไปอยู่ด้านหลังนี้เองครับ
เจอแล้ว ร้าน Kurumed Coffee
มาถึงเค้ากำลังเปิดร้านพอดี (ร้านเปิด 10.00)
ช่วงเช้าเค้ามีโปรโมชั่น กาแฟ + ขนมคุรุเมด ของทางร้าน …
ย้อนอ่านตอนเก่าได้ครับ
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/
วันที่ 4 – โออิตะ
วันนี้มีกำหนดการแว่บออกนอกเกาะคิวชูเล็กน้อย ตั้งใจจะไปที่ซื้อข้าวกล่องปลาปั๊กเป้า(ฟุกุเมชิ)ที่สถานี Shimonoseki เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูนเรื่อง ตะลอนกินข้าวกล่องรถไฟ
เบื้องต้นก็นั่งรถไฟมาลงสถานี Kokura แล้วมาต่อรถไฟข้ามทะเลไป Shimonoseki นั่งราวๆ 15 นาทีก็ถึง
ถึงแล้วออกมานอกสถานีก็เจอตึกที่น่าสนใจ ดูเป็นแบบฝรั่งเลย
เท่าที่ดูๆเหมือนเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน และร้านอาหารครับ แต่เนื่องจากตอนไปยังเช้ามากเลยยังไม่เปิดให้ใช้บริการ
หลังจากที่เดินหามานานกว่า 40 นาที สรุปคือ …
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น วันที่3
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่ 3 – ฟุคุโอกะ (โคคุระ, ฮาคาตะ)
ตื่นตอนเช้าไปสนามบิน เครื่องออก 10.00 กินขนมจากร้าน อุซางิยะ อย่างที่ 3

แป้งบางกรอบ ไส้ในแน่นมาก

ถึงสนามบินฮาเนดะ อาคารบินในประเทศ เจอนักเรียนรอขึ้นเครื่องทัศนศึกษากัน

ร้านขายของฝากเพียบ

แวะเติมพลังในคาเฟ่สนามบินก่อน

มอนิ่ง เครี่ เซ็ต (900เยน)

ในเซ็ตเลือกเครื่องดื่มได้ 1 อย่าง

กินเสร็จตรงแถวเกทเข้าเครื่องก็มีร้านพวกข้าวกล่อง แซนวิซต่างๆ

ติดใจกล่องนี้มากๆ หน้ากล่องน่ารักสุดๆ เลยซื้อมาลอง 1 กล่อง เป็นแซนวิซหมูทอด (ขนาดเล็ก 330เยน)

เปิดมาหน้าตาใช้ได้

รสชาติโอเคเลยครับ แม้หมูจะเย็นแต่ปรุงรสให้อร่อยสำหรับกินตอนเย็นๆเลย เนื้อหมูไม่มัน รสชาติเข้มข้น เข้ากับขนมปังได้ดี

เอาล่ะเครื่องจะออกแล้ว!!!

เครื่องมาถึงจังหวัดฟุคุโอกะแล้ว และที่เมืองฮาคาตะนั้นถือเป็นเมืองหลวงเกาะคิวชูก็ว่าได้ครับ มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ1 ของเกาะ
มาถึงฝนก็ตกซะแล้ว

หลังจากเก็บของที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว (ตอนไปรร.ก็ตากฝน หนาวก็หนาว ของก็ต้องขน ทุลักทุเลพอสมควร) ก็มาที่สถานีฮาคาตะ มาแลก JR PASS คิวชูเหนือ ราคา 7000เยน นั่งได้ทั่วคิวชูทางเหนือ เป็นเวลา 3 วัน ที่ซื้อไว้ตั้งแต่อยู่ กทม.

ก่อนขึ้นรถไฟไป KOKURA ก็แวะซื้อ เอกิเบน หรือข้าวกล่องรถไฟซักหน่อย

น่ากินเยอะมาก

แต่มีในใจอยู่แล้ว ข้าวกล่องที่รวมของดีทั่วแคว้นเกาะคิวชูเอามาอยู่ในข้าวกล่องกล่องเดียว (1100เยน)

รอบนี้ขึ้นคันนี้นะครับ รถไฟสายด่วน มุ่งสู่ KOKURA!

รถออกแล้ว ขณะนั่งไปก็กินข้าวกล่องไป

เปิดข้าวกล่องมาโซ้ยโลดดดดดดดด

ไม่ว่าจะเป็น หมูต้มซีอิ๊วจากนางาซากิ ชิตาเกะนิ(เห็ดหอมปรุงรส) และ เกาลัดหวาน จากโออิตะ ผักดองทาคานะจากคุมาโมโต้ เมนไทโกะจากฮาคาตะ หรือหัวมันจากคาโกชิม่า รวมไปถึง มะระจากเกาะโอกินาว่าด้วย
รสชาติเครื่องทุกอย่างเข้ากันได้ดี สามารถเพลิดเพลินกับของดีของถิ่นต่างๆในคิวชูได้ เผลอแป๊บเดียวก็หมดกล่องแล้ว
นั่งรถมาราวๆ 40 นาทีจากฮาคาตะ ก็มาถึง โคคุระแล้ว (โคคุระถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับสองของเกาะคิวชู)

เดินจากสถานีราวๆ 5 นาทีก็มาถึงร้าน “เทนซูชิ” หรือแปลตรงตัวได้ว่า ร้านซูชิสวรรค์

ร้านนี้เป็นร้านที่เล็งไว้สำหรับทริปนี้เลยครับ จองไว้ล่วงหน้าเดือนนึงเหมือนกัน เพราะว่าร้านนี้มีที่นั่งแค่ 5ที่เท่านั้น!!! เป็นร้านอาหารอันดับ 1 ของเกาะคิวชู และเป็นร้านซูชิอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น (จากการให้เรตติ้งของเว็บ tabelog.com) ซึ่งร้านนี้ต่างจากร้านดังๆในกินซ่าเลยนะครับ ในกินซ่าจะเป็นซูชิตำรับเอโดะ ซึ่งจะเป็นซูชิที่ยึดถือวิธีการทำแบบโบราณ เน้นความอร่อยจากวัตถุดิบเพียวๆ แต่ที่นี่จะเป็นซูชิแบบคิวชู หน้าตาและวิธีการทำจะไปคนล่ะทางกันเลยครับ

เข้าร้านกันเลยดีกว่า

การท้าดวลระหว่างพ่อครัวและผมก็เริ่มขึ้น!!!!

เปิดฉากมาพ่อครัวก็เอาแตงกวาเปล่าๆมาให้กิน!!! พร้อมกับมีเกลือเนื้อละเอียดอย่างกับแป้งโรยอยู่ ใช้มือหยิบได้เลย แตงกวาน้ำเยอะมากๆครับ ไม่มีความเหม็นเขียวเลย กรุบกรอบสุดๆ เคี้ยวดังกรวบๆๆๆๆเลย

ซูชิคำแรกมาแล้วครับ จูโทโร่ เริ่มของแรงตั้งแต่เริ่มเลย ลักษณะซูชิที่นี่จะออกเป็นรูปกลมๆ คำเล็กๆ ครับ

ของดีของร้านนี้มาแล้ว อากะอิกะ ความสวยงามของซูชิมาเป็นอันดับ 1 เลยครับ ไม่กล้ากินเลย

ด้านบนท้อปปิ้งด้วยหอยเม่นและไข่ปลา รสชาติปลาหมึกหอมหวาน สัมผัสสนุกลิ้นมากๆ เพราะบั้งให้เป็นเส้นๆ พ่อครัวปรุงรสด้วยเกลือและมะนาวญี่ปุ่น

ต่อด้วยกุ้งคุรุมะ รูปแบบต่างจากเมื่อวานที่กินเลยครับ เชฟจะบีบมะนาวใส่ ไม่ต้องจิ้มโชยุ เป็นการใช้รสเปรี้ยวนิดๆดึงความหวานออกมา

ชิเมะซาบะ ของดีของคิวชูเลย เนื้อแน่นต่างจากซาบะปกติมากๆ รสเข้มข้นอร่อยของปลาซาบะเอ่อล้นออกมาเต็มที่เลยครับ

ต่อด้วยโฮตาเตะ อันนี้สุดยอดจริงๆครับ อร่อยกว่าที่เคยกินที่ไหนๆ เนื้อหอยผิวกรุบกรอบ แต่ข้างในเนื้อนุ่ม ทาด้วยซอสที่ทำมาจากปลาอานาโงะหอมมันมากๆ

ปลาฮิราเมะ ท้อปปิ้งด้วยส่วนตับ ได้ลิ้มรสความอร่อยจากส่วนเนื้อขาว และความเข้มข้นจากส่วนตับในคำเดียวกัน อร่อยล้ำมาก

ปลาทาจิอุโอะ ไม่เคยกินปลานี่มาก่อน ย่างได้ออกรสหวาน ปรุงรสด้วยบ๊วย เข้ากับความมันของปลาได้อย่างดีเลย

อันนี้ครับ อันนี้ ชอบที่สุดเท่าที่ได้ลองกินมาแล้ว มากุโร่ยุเกะ หมักซอสยังไงก็ไม่รู้ รสชาติต่างจากที่เคยกินโดยสิ้นเชิง ผิวเนื้อปลาเรียบเนียนสวยงามมาก

มาดูใกล้ๆจะเห็นลายมันของปลาเป็นทางๆเลย

ปลาคิสุย่าง อันนี้เนื้อแน่น ยิ่งเคี้ยวยิ่งออกรส

หัวกุ้งคุรุเมะย่าง เคี้ยวได้ทั้งหัวเลย รสหวานมันเต็มๆเลยครับ

ปลาอาจิ ไม่เคยกินอาจิแบบนี้มาก่อนเลยครับ ไม่มีกลิ่นคาวเฉพาะตัว ข้างบนเป็นขิงกับโชยุแบบผง อร่อยมากๆ

ซุปใสเอามาให้ซดครับ (หรือจะเลือกแบบมิโสะก็ได้)

หอยซาซาเอะ ข้างบนเป็นกระเจ๊๊ยบครับ เคี้ยวเสียงดังมากๆ สัมผัสสุดยอดสุดๆ

ปลาไทครับ เป็นแบบย่างหนัง รสชาติต่างจากแบบเมื่อวานเลย อันนี้เนื้อสดแต่หนังย่างได้หอมมาก

ฟุกุ ชิราโกะ กุงกังมากิ เอาชิราโกะของปลาปั๊กเป้ามาย่างไฟอ่อนๆให้หอมๆ พอเอาเข้าปากปุ๊บครีมของชิราโกะก็ละลายไปทั่วปากผสมกับข้าวซูชิ สุโก้ย!!!

คำสุดท้ายของคอร์สนี้แล้ว อานาโงะ ต่างจากเมื่อวานเลยครับ เมื่อวานจะเป็นการนึ่งให้นุ่มฟู แต่อันนี้เอาไปย่างให้หอม สำหรับคำนี้ซอสอร่อยกว่าเมื่อวานครับ แต่เมื่อวานสัมผัสการกินจะสุดยอดกว่า

แต่กระเพาะยังเรียกร้อง เลยบอกพ่อครัวไปว่า มีอะไรแนะนำปั้นมาเลยครับ
พ่อครัวจัดมาตามคำขอ ซูชิปลาปัํกเป้า!!! ขอบอกว่าอันนี้เกินจินตนาการไปนิดนึง เนื้อปลาปั๊กเป้าจะหยุ่นๆเด้งๆ เนื้อแน่นๆ ยิ่งเคี้ยวยิ่งออกรส

ตบด้วยปลาบุริ ไม่เคยกินซูชิปลาบุริเลยครับ รสหวานเฉพาะตัวของปลาบุริ อร่อยมากๆ

Service จากพ่อครัวครับ กลัวไม่อิ่ม เนงิโทโร่มากิ กินแบบนี้เลย อร่อยมากๆ

และเหมือนเดิมครับ ตบท้ายด้วยไข่หวาน

ของหวานเป็นเมลอน ฉ่ำๆ ฉ่ำสุดๆหวานมากๆ

และซดชา ชาตอนจบจะเป็นคนล่ะรสกับที่กินกับซูชิครับ

รูปพ่อครัวและลูกสาวครับ (ลูกสาวจะเป็นลูกมือคอยย่างและจัดเตรียมวัตถุดิบ ดูอายุยังน้อยแต่ฝีมือไม่ใช่เล่นๆ)

รวมๆแล้วร้านนี้สมฐานะอันดับ 2 ของญี่ปุ่นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบกับร้าน ซูชิโยชิทาเกะ มิชลิน 3 ดาวกับร้านนี้ คงวัดกันยาก ร้านซูชิโยชิทาเกะ จะเน้นวัตถุดิบที่ดีกว่า เนี๊ยบกว่า มีความหรูหรา แบบแผน ส่วนร้านเทนซูชิ จะดูมีชีวิตมากกว่า พ่อครัวจะใช้ความรู้สึกลงไปในซูชิมากกว่า มีรสชาติที่หลากหลาย คาดเดาไม่ได้ เป็นรสชาติซูชิอีกด้านนึงก็ว่าได้ครับ
ส่วนราคาของที่นี่จะถูกกว่าที่ร้านซูชิโยชิทาเกะราวๆครึ่งนึงครับ (13860เยน)
“ร้าน เทนซูชิ”
เปิด: 12:00-21:00 (รับลูกค้าคนสุดท้าย 19.30) หยุดวันจันทร์
ร้านนี้ก็ต้องจองไว้ล่วงหน้านะครับ เบอร์ 093-521-5540 ร้านนี้รับจองจากต่างประเทศ แต่ว่าต้องคุยภาษาญี่ปุ่นนะครับ และต้องโทรคอนเฟิร์มอีกครั้งก่อนไป 1 อาทิตย์
map: http://goo.gl/maps/2DcJd
ต่อจากร้านเทนซูชิ ก็มาเดินเล่นที่โคคุระประมาณ 1 ชม. ก็มานั่งรถสาย Local มาที่สถานี Mizumaki พอมาถึงเห็นสถานีถึงกับร้อง ตรูมาทำอะไรที่นี่!!!

ที่นี่ดูเป็นสถานีเล็กๆ ไม่มีอะไรเลย

ยิ่งเดินออกมาหน้าสถานีใจยิ่งเสีย ดูเงียบเชียบมากๆ

เดินตามแผนที่มา ระหว่างทางไร้วี่แวว แม้กระทั่งผู้คน มีแต่เสียงรถวิ่ง

เดินตามทางมาได้ 30 นาที ด้วยอุณภูมิ 3องศา โดยประมาณ ก็มาเจอป้ายสวรรค์ ใกล้ถึงที่หมายแล้ว

ในที่สุดก็ถึงแล้ว ร้านเนื้อย่าง อนโดรุ อยู่ที่ถนนข้างหน้านี้เอง

ถึงซักที!!!! ที่มาที่นี่เหตุผลก็คือ Search หาร้าน ยากินิคุดีๆ แล้วร้านนี้เป็นร้านที่เรตติ้งดีที่สุดในคิวชู ถึงแม้จะไกลแต่ใจก็สู้!!

ทางเข้าร้าน อยู่ด้านหลังร้าน เอ๊ะยังไง

มาถึงก็เจอวัวดำตะหง่านอยู่หน้าเคาเตอร์เลย

ทางเดินเข้าไปที่โต๊ะนี่แคบมากๆ

เมนูร้าน

เตาพร้อม!!!

อย่างแรกมาแล้ว เนื้อโกเบส่วนคัลบี้ แล่แบบบาง กับแบบลูกเต๋าอย่างล่ะจาน

เนื้อสันนอก

ฮารามิ (กะบังลม)

ซันจูซัม

น้ำจิ้มพร้อม

น้ำชา

เริ่มย่างงงงงงงงงงงงงงงงง

ได้ที่แล้ว หึหึ

เรียบร้อย!!! เนื้อเอาเข้าปากแล้ว นุ่มแทบละลายเลยทีเดียว ไขมันแทรกไปกับเนื้อสุดยอดมากๆๆๆๆๆ

เอามาห่อผักเข้ากันดีสุดๆ

ได้ทั้งจิ้มซอส แต่ถ้าให้ได้รสเนื้ออย่างแท้จริง ต้องจิ้มเกลืออออ

เสร็จแล้วเอามาพุ้ยกินกับข้าวสวย โอ้ยยย ข้าวกี่ชามก็ไม่พอ

ตบท้ายด้วยสับปะรด (ของพื้นๆบ้านเราจริงๆ)

ร้านนี้คนเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีรถส่วนตัวมาเองทั้งนั้น (มีแต่ผมที่บ้าบอเดินทนหนาวไปกิน 5555) แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มาครับ เนื้อ A5 ถือว่าราคาไม่สูงมากถ้าเทียบกับราคาในเมือง (มื้อนี้หมดไป 10,111เยน)
“ร้าน อนโดรุ”
เปิด: 11:30-23:00(L.O.22:30)
map: http://goo.gl/maps/fgCyI
เพื่ออรรถรสในการรับชม มีคลิปด้วย ……
กว่าจะนั่งรถไฟกลับมาที่ฮาคาตะก็ปาเข้าไป 5ทุ่มแล้ว

แต่ที่นี่มีร้านอร่อยๆเปิดดึกๆอยู่เยอะ และที่เล็งไว้ยังไงต้องมาให้ได้ก็คือร้านนี้ “คิฮารุ” ร้านนี้ตั้งอยู่ติดถนน Kokutai เลย อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟ Tenjin ซึ่งเป็นจุดรวมใหญ่ของเมืองฮาคาตะก็ว่าได้ครับ

หน้าร้านมีโคมไฟเขียนว่า โกะโตะซาบะ เป็นซาบะอีกแบรนด์ดังที่ต้องลิ้มลอง (คล้ายๆวัว A5 ก็มีหลายแบรนด์ชื่อตามถิ่นขอวเนื้อนั้นๆ เช่น มัตสึซากะ โกเบ มิยาซากิ บิเอ ซากะ เป็นต้น) โกะโตะนั้นเป็นเกาะเล็กๆที่อยู่ในจังหวัดนางาซากิทางตะวันตกของเกาะคิวชู

เดินขึ้นไปก็เจอทางเข้าร้าน

ร้านนี้เป็นกึ่งร้านเหล้าครับ ที่เคาเตอร์ว่างพอดีเลยไม่ต้องรอ

เอาล่ะมาดูเมนูกัน (เมนูแนวนี้ทำร้ายชาวต่างชาติมาก แถมคันจิยุบยับ ยังดีที่ทำการบ้านมาพอสมควรเลยรู้ว่าควรสั่งอะไร) และร้านดังๆเมนูเป็นแนวนี้หมดเลยครับ

Service ของทางร้านครับ ของฟรียังไงก็อร่อยอยู่แล้วววว
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรเหมือนวาราบิโมจิ + บุก หยุ่นๆ รสอ่อนๆ อร่อยดี

ไข่ตุ๋นถ้วยจิ๋ว

คอกเทลกุ้ง กรุบๆ เนื้อเด้งอร่อยมาก

จานแรกมาแล้วครับ โอโยงิซาบะซาซิมิ (900เยน)

หรือแปลได้ว่า ซาซิมิซาบะว่ายน้ำ สัมผัสตอนกินสมชื่อมากๆ ปลาสดสุดๆ เนื้อเด้งสู้ฟัน รสชาติซาบะเข้มข้น แต่ไม่มีกลิ่นคาวเลย

สีสันสวยงามมากครับ เป็นปลาซาบะที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย

ต่อด้วยทามาโกะยากิ (ทริปนี้สั่งเมนูนี้มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว) พอดีเห็นโต๊ะข้างๆสั่งน่ากินมากเลยขอจัดหน่อยเถอะ

สีสวยมากครับ ย่างได้กำลังดีเลย

ดูด้านในสิครับ กำลังเยิ้มเลย

ข้างนอกเป็นทรงสวย แต่ข้างในเป็นแบบออมเลต สุดยอดมากๆ

อันนี้ครับของเด็ด ท้าให้ลอง ใครกลัวใครไม่กล้ากิน เสียดายของดีนะครับ “ยุเกะเนื้อม้า” (980เยน)

ตอนแรก็ไม่กล้าลองครับ แต่มาทั้งทีและเป็นเมนูแนะนำที่นี่ต้องลองแล้ว

หน้าตาดีทีเดียว เวลากินก็ยำทั้งหมดรวมๆกัน

ส่วนรสชาติขอบอกว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก เนื้อนุ่มๆหยุ่นๆ ออกรสหวานอ่อนๆ ไม่มีกลิ่นคาวเลย น่าจะเป็นเนื้อสัตว์บกที่มีกลิ่นคาวน้อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยครับ (พอๆกับปลาเนื้อขาวสดๆ)

ต่อมา อาบุริ อานาโงะ ซาซิมิ เพิ่งเคยได้ลองอานาโงะแบบสดๆครับ เนื้อต่างจากที่คิดเลย สดๆเนื้อจะแน่นๆหยุ่นๆ แต่กินเปล่าๆจะจืดชืดนะครับ

จานนี้จะต้องมีวิธีกิน คือการใส่ไชเท้าฝอย บีบมะนาว ใส่เนงิ

แล้วก็จิ้มเกลือกินครับ

ถือว่าเป็นรสอร่อยที่ไม่เคยลองมาก่อน ไม่รู้ว่าอานาโงะจะมีวิธีกินแบบนี้ด้วย สุดยอดมากๆ

และสุดท้ายของวันครับ ชิโอะซาบะยากิ เอาสุดยอดซาบะแบรนด์โกะโตะมาย่างเกลือ

ดูน้ำมัน ลายเนื้อ สิครับ สุดยอดมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

และแน่นอนว่ารสชาติก็สุดยอดมากๆด้วย ย่างได้สวยงาม น้ำในปลาชุ่มฉ่ำ รสเกลือกำลังดี ดึงรสหวานของปลาออกมาได้อย่างเต็มที่ กินแล้วไม่อยากให้หมดเลย

กินเสร็จร้านก็ปิดพอดี เป็นลูกค้าคนสุดท้ายครับ

“ร้าน คิฮารุ”
เปิด: 18:00-ตี1(L.O.เที่ยงคืน)หยุดวันจันทร์
map: http://goo.gl/maps/T4Cda
หมดมื้อสุดท้ายก็เดินเล่น ดูแผงลอย

เล่าให้ฟังจากประสบการณ์ส่วนตัวซักนิดเกี่ยวกับร้านแผงลอยที่นี่ครับ
แผงลอยที่นี่เป็นร้านที่ตั้งเพิงๆขึ้นมาเลย บนพื้นที่สาธารณะ หลักๆจะขายอาหารคล้ายๆกัน ได้แก่ ราเม็ง เกี๊ยวซ่า โอเด้ง ยากิโทริ ของแกล้มเหล้าต่างๆ จากที่เคยหาข้อมูลมา ร้านดังๆหลายร้าน เช่น ร้านราเม็งอิจิริวที่คนต่อคิวยาวเหยียด ตอนนี้ก็ผันไปเปิดร้านจริงจังแล้ว แต่ก็มีร้านใหม่ๆที่เอาบารมีของร้านเก่าๆ โดยการตั้งชื่อคล้ายๆกัน ทำโลโก้คล้ายๆกันมาเปิด แถมหน้าร้าน และจุดต่างๆ มีคนเชียร์เข้าร้านด้วย! (เคยอ่านการ์ตูนเจอ แต่ไม่นึกว่ามีจริงๆ) ประมาณว่า กินราเม็งอร่อยๆมั้ยพี่ เกี๊ยวซ่าก็มี จริงๆก็ถือเป็นสีสันของเมือง แต่ก็แอบรำคาญเหมือนกันครับ
—————จบวันที่ 3———————–
อ่านตอนต่อๆไปได้ตามลิงก์นี้ครับ
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น
วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/
วันที่4
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-4/
วันที่5
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-5/
วันที่6
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-6/
วันที่7
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-7/