Browse
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่ 3 – ฟุคุโอกะ (โคคุระ, ฮาคาตะ)
ตื่นตอนเช้าไปสนามบิน เครื่องออก 10.00 กินขนมจากร้าน อุซางิยะ อย่างที่ 3
แป้งบางกรอบ ไส้ในแน่นมาก
ถึงสนามบินฮาเนดะ อาคารบินในประเทศ เจอนักเรียนรอขึ้นเครื่องทัศนศึกษากัน
ร้านขายของฝากเพียบ
แวะเติมพลังในคาเฟ่สนามบินก่อน
มอนิ่ง เครี่ เซ็ต (900เยน)
ในเซ็ตเลือกเครื่องดื่มได้ 1 อย่าง
กินเสร็จตรงแถวเกทเข้าเครื่องก็มีร้านพวกข้าวกล่อง แซนวิซต่างๆ
ติดใจกล่องนี้มากๆ หน้ากล่องน่ารักสุดๆ …
ย้อนอ่านตอนเก่าได้ครับ
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/
วันที่4
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-4/
วันที่ 5 – คุรุเมะ + คุมาโมโต้
เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว และเป็นอีกวันที่ต้องตื่นเช้า ภารกิจวันนี้มีมากมายยิ่งนัก เริ่มต้นวันกันที่สถานีฮาคาตะก่อน
รถไฟที่จะไปคือชินกังเซ็น ซากุระ จะออกตอน 7.53
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ซื้อเอกิเบ็นเตรียมไว้ก่อน
เลือกอันไหนดีน๊าาา
เลือกน้องแว่นคนขายแล้วกัน กลับไทยกับพี่มั้ยน้อง
มาแล้วชินกังเซ็นที่จะนั่ง หล่อโคตรรรรร
ขึ้นล่ะนะ
ข้างในหรูหรามากๆ
เอาล่ะพับโต๊ะออกมาเตรียมตัวกินเอกิเบ็นที่ซื้อมาเมื่อกี้
ชแว๊บบบบ ซื้อซาบะเมชิมาจ้าาา
แกะห่อโดยด่วน
แกะมาปุ๊บกลิ่นซาบะดองหอมแตะจมูกเลยครับ
ซาบะอร่อยมากๆเนื้อแน่นสุดๆ ดองได้รสอร่อยเข้ากับข้าวซูชิมากๆ
ขิงดองเอามาตัดรสชาติ
เผลอแป๊บเดียวถึงสถานีคุรุเมะ …
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น วันที่4
ย้อนอ่านตอนเก่าได้ครับ
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/
วันที่ 4 – โออิตะ
วันนี้มีกำหนดการแว่บออกนอกเกาะคิวชูเล็กน้อย ตั้งใจจะไปที่ซื้อข้าวกล่องปลาปั๊กเป้า(ฟุกุเมชิ)ที่สถานี Shimonoseki เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูนเรื่อง ตะลอนกินข้าวกล่องรถไฟ
เบื้องต้นก็นั่งรถไฟมาลงสถานี Kokura แล้วมาต่อรถไฟข้ามทะเลไป Shimonoseki นั่งราวๆ 15 นาทีก็ถึง

ถึงแล้วออกมานอกสถานีก็เจอตึกที่น่าสนใจ ดูเป็นแบบฝรั่งเลย

เท่าที่ดูๆเหมือนเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน และร้านอาหารครับ แต่เนื่องจากตอนไปยังเช้ามากเลยยังไม่เปิดให้ใช้บริการ

หลังจากที่เดินหามานานกว่า 40 นาที สรุปคือ หาไม่เจอครับ ถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครรู้จัก แวะมาที่ห้างไดมารูใกล้ๆสถานีก็ไม่มี เลยถามคนขายของที่นั่น ได้ความมาว่าตอนนี้ “ตลาดตรงสถานีกำลังปิดปรับปรุง เลยไม่มีขาย” เวรกรรมแท้ๆ
แต่ก็กลัวมาเสียเที่ยวเลยซื้อของติดกลับหน่อย

สุดท้ายก็ได้แกงกะหรี่สำเร็จรูปปลาปั๊กเป้า ข้าวเกรียบปลาปั๊กเป้า และโซบะสำเร็จรูปมาจากห้างไดมารู
แล้วก็แวะซื้อข้าวกล่อง อุนิเมชิ จากสถานี Kokura มา 1 กล่อง

เปิดมาแอ่นแอ๊นนนน

ข้าวคลุกกับหอยเม่นดอง รสเค็มนิดๆ กลมกล่อมใช้ได้

กับข้าวก็จะมี ปูจ๋า

รากบัวต้มนึ่ง

ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นโอเด้งปลาอิวาชิ

ของดองต่างๆ

ปลาอายุตากแห้ง

พระเอกของกล่องนี้ อุนิดอง

ตบท้ายด้วยส้มจากโออิตะ

รสชาติของกับข้าวงั้นๆครับ แต่ตัวข้าวกับอุนิดองนี่สุดยอดไปเลย
กินเสร็จก็มาถึงสถานี Yukuhashi พอดีเรามีกำหนดการมากินราเม็งซุปกระดูกหมูขั้นเทพที่นี่!! ตอนนี้!!

ที่นี่ค่อนข้างไม่เจริญมากๆ ขนาดตลาดยังเงียบเหงา (อาจจะเพราะสายแล้ว)

มีร้านขายเครื่องมือเกษตรกรรมด้วย

เดินจากสถานีมาราวๆ 15 นาที

ถึงแล้ว!!!!!!!

แต่เห็นป้ายแปะที่ประตูแล้วรู้สึกใจคอไม่ดี มาดูใกล้ๆก็เซ็งสุดๆ ร้านปิด 21-25 มกราคม (ซึ่งเป็นวันที่ผมมาพอดี)

แต่ว่าช่วงกำลังเดินกลับอยู่นั้นก็แวะเหลือบเห็นร้านนี้มีคนต่อคิวซื้อขนมอยู่

ดูน่าสนใจมาก เป็นขนมที่จำลองมาจากกลองของญี่ปุ่น มีไส้ถั่วแดงและถั่วขาว ราคาชิ้นล่ะ 50เยนเท่านั้น!!

คนขายก็ใส่ไส้แบบไม่ยั้งมือดูแล้วก็เพลินดี

ก็เลยจัดมา 2 ชิ้น หน้าตาดูดีใช้ได้เลย

ไส้ถั่วแดงลองดูไส้ในซิ … แหวกปุ๊บ ไส้ทะลัก โฮว๊กกกก

ไส้ถั่วขาวก็ไม่น้อยหน้า

รสชาติไม่หวานเกินไป ยิ่งมากินร้อนๆตอนอากาศหนาวๆนี่ ลงตัวสุดๆ
ใกล้ๆสถานีมีร้านขายพวกขนม ของฝาก ยังมีเวลาอีกนิดหน่อยกว่ารถไฟจะมา แวะหาอะไรลงท้องซักหน่อย จะได้ไม่เสียเที่ยว

และแล้วก็ตัดสินใจซื้อโดรายากิไส้สตอเบอรี่มา

ไส้ในมีครีมสตอเบอรี่ กับถั่วขาวกวน รสอมเปรี้ยวของสตอเบอรี่ตัดกับรสหวานของถั่วขาวกวนได้ดีจริงๆ แต่ตัวแป้งยังไงก็สู้ร้านอุซางิยะไม่ได้ครับ

และก็ไดฟุกุสตอเบอรี่ คือใส่สตอเบอรี่ทั้งลูกเลย

ลุยต่อยาวๆ นั่งรถด่วนมาที่ โออิตะ

ถึงสถานีแล้วก็มาต่อรถไฟ Local อีก 2 สถานีมาที่สถานี Takajo

มาถึงแล้ว แลดูเป็นสถานีที่ไม่มีอะไรเลย

แต่เราก็ได้แต่ต้องเดินทางต่อไป

สะดุดที่ร้านนี้ เป็นร้านขายดอกไม้กับเค้ก เก๋ดี แต่ไม่ได้เข้า เรามีเป้าหมายอื่น

นี่มันแหล่งชุมชนแล้ว ไม่น่าเป็นแหล่งที่มีร้านอาหารเด็ดๆได้เลย

นี่มันทางรถขึ้นเขาแล้วนี่

แต่มาไม่ผิดทาง มีป้ายบอกให้มาทางนี้

นี่ตูมาเดินขึ้นเขาที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ

มองลงข้างล่าง

เห็นเป้าหมายแล้ว

เจอร้านแล้วครับ

ร้าน อุสึคิฟุกุ โยชิโนะยะ เป็นร้านอาหารประเภทปลาปั๊กเป้าอันดับ 1 ในคิวชูเลย

มองลงข้างล่าง นี่ก็ขึ้นมาสูงนะนี่

ทางเข้า

ข้างในดูไฮโซใช้ได้เลย ที่นี่นอกจากเป็นร้านอาหารแล้ว ยังเป็นเรียวกัง ให้พักผ่อนชิวๆพร้อมออนเซ็นอีกด้วย

โต๊ะก็เป็นแบบห้องส่วนตัว ชมสวนแบบญี่ปุ่น สวยงามมาก

มองออกไปด้านนอก สวยงามจริงๆ (กระจกใสมาก นี่คือถ่ายผ่านกระจกนะครับ)

จิบชาชมวิว ผ่อนคลายสุดๆ

อาหารจานแรกมาแล้ว เป็นออเดิร์ฟ

พระเอกมาแล้วซาซิมิปลาปั๊กเป้า

แล่บางเฉียบ

มีส่วนเครื่องในต่างๆ หนังปลา มาให้ลองลิ้มชิมรสกันทุกส่วน

ทีเด็ดอยู่ที่ตับปลาครับ

วิธีกินคือเอาตับปลาบดใส่พอนสึ แล้วก็ใส่เนงิ และเครื่องปรุงตามชอบ

แล้วก็คีบทั้งหมดใส่ปาก อ้ามมมมม…. สัมผัสการเคี้ยวของปลาปั๊กเป้าสุดยอดจริงๆครับ ทั้งๆที่บางแต่กลับเด้งสู้ฟัน แต่ไม่เหนียว รสชาติความหวานของเนื้อปลา เข้ากับความเข้มข้นของตับ ตัดด้วยความเปรี้ยวนิดๆของพอนสึ ทำเอาเคลิ้มไปเลยครับ

อย่างที่ 2 มาแล้ว (อันนี้สั่งเพิ่มไม่อยู่ในคอร์ส) ปลาปั๊กเป้า คาราอาเกะ

ซูมดูการทอด ทอดได้ดีมากๆเลยครับ เม็ดเกลือที่ใส่เป็นแบบหยาบ

ลองกินดู เนื้อปลาปั๊กเป้าเนื้อจะแน่น ต่างจากปลาประเภทอื่นๆเลยครับ ส่วนที่เอามาทอดนี้จะเป็นส่วนที่ติดก้างเล็กน้อย รสเค็มของเกลือดึงเอารสหวานของปลาออกมาได้ดี สัมผัสต่อนเคี้ยวจะมีความหยุ่นๆด้วย เป็นรสสัมผัสที่ไม่เคยเจอมาก่อนครับ

ตบท้ายด้วยหม้อต้มนาเบะ เตามาแล้ว

ส่วนที่ต้มคือเป็นเนื้อติดกระดูกครับ และใส่ผักและเครื่องอื่นๆตามลงไป

เนื้อสุกแล้ว พนักงานของร้านจะดูแลการต้มของเนื้อปลาเองเลย เพราะมีเวลาในการต้มที่ต้องเป๊ะ ต้มเร็วหรือนานไปไม่ได้

เนื้อส่วนติดกระดูกเป็นส่วนที่ค่อนข้างเหนียว แต่ไม่ใช่เหนียวแบบเคี้ยวยากๆนะครับ เป็นส่วนที่มีเจลาตินเยอะ

ผักต่างๆต้มกับน้ำซุปกระดูกปลาปั๊กเป้า หวานทีเดียว

โมจิชา

เผลอแป๊บเดียวเหรือแต่น้ำซุปแล้ว และแน่นอนนาเบะญี่ปุ่นเหลือน้ำไว้ทำไม

ทางร้านจะเอาหม้อออกไปเก็บ และน้ำซุปเอามาทำเป็นข้าวต้มให้ ซุปหวานละมุนมาก

มีผักดองเคียงมาให้

ตบท้ายด้วยของหวาน ไอศกรีมชาเขียว และถั่วแดง ไอศกรีมหวานน้อยมากครับ ตัดกับรสหวานของถั่วแดง อร่อยสุดๆ เหมาะสำหรับปิดฉากมื้อนี้

มีชาเฉพาะมาให้ซดหลังกินของหวานด้วย (เป็นคนล่ะรสกับที่กินกับอาหาร)

อาหารที่นี่ถ้ามากลางวันก็จะมีเบนโตะอาหารกลางวัน แต่ถ้ามากินปลาปั๊กเป้าโดยเฉพาะเค้าจะจัดเป็นคอร์สครับ ถ้ามาหลายคนเวลาดูเมนูต้องระวังนิดนึง เช่นคอร์สราคา 12,000 เยน ถ้าเรามา 5 คน ถ้าสั่งปุ๊บเค้าจะจัดแบบสำหรับ 5 ที่มาเลยนะครับ บิลจะมา 60,000 เยนทันที หรือควรจะสอบถามพนักงานให้ชัวร์ก่อนนะครับ
ที่ร้านมีขายของที่ระลึกด้วย

ตอนขากลับ ก็มารู้ว่าตอนที่มานั้นอ้อมมาก

มันมีบันไดทางเดินสำหรับคนเดิน (ตอนมาผมมาทางถนนรถวิ่ง) ก็ดันไม่มีป้ายบอกสำหรับคนเดินนี่หว่า T_T

“ร้าน อุสึคิฟุกุ โยชิโนะยะ”
เปิด: 11:30-22:00 (L.O.21:00)
map: http://goo.gl/maps/s4eMD
อุตส่าห์มาถึงโออิตะแล้วขอลงสถานีโออิตะให้ชื่นใจหน่อย

ถ้าอยากรู้ว่าถิ่นนั้นมีอะไรดี ไม่ยากครับไปร้านขายของฝาก ของดีของเมืองนั้นจะเอามาทำเป็นขนม หรือของกินอื่นๆเยอะแยะมากมาก อย่างที่นี่จะเห็นผลไม้จำพวกส้มเยอะมาก

มาที่ซุปเปอร์ขายของติดกับสถานี มีมุมส้มตรงข้างหน้าเลย น่าสนใจมากครับ ส้มเค้าจะมีมาจากหลายสวนมาก ที่เห็นโปรโมทหลักๆจะมีสวน 4 ที่ แถมมีภาพเจ้าของสวนด้วย ตอนแรกก็เล็งๆอยู่ อยากลองทุกสวน แต่โชคดีที่ตอนนั้นเค้าเอามาให้ชิมครบเลย เราไม่ใช่คนแถวนั้นก็ขอหน้าด้านชิมให้หมด

ที่ถูกใจที่สุดก็ชอบส้มจากสวน อาริดะ ชุ่มฉ่ำ หวานมากกกกกกกกกกกกกก (ของคนอื่นๆจะอมเปรี้ยวนิดๆ) เลยซื้อติดมากิน ลูกเล็กลูกล่ะ 48 เยน ไม่มีเม็ดด้วย

ในสถานีมีร้านนี้ที่น่าสนใจ เป็นร้านขายขนมเก่าๆของญี่ปุ่น (บ้านเราก็มีแบบนี้เหมือนกัน)

ขึ้นรถไฟออกจากสถานีโออิตะมาอีกนิดนึงก็มาถึงสถานี Beppu ซึ่งถือว่าเป็นเมืองแห่งออนเซ็น มีบ่อน้ำร้อนมากที่สุดในญี่ปุ่น จริงๆตั้งใจจะมาบ่อน้ำร้อน นรกทั้ง 8 แห่ง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของที่นี่ แต่เวลาไม่มีแล้ว ช่างมันแล้วกัน 55555 เรื่องกินสำคัญกว่า

หน้าสถานีมียังมีบ่อน้ำร้อนเล็กๆให้แช่มือด้วย น่ารักดี

ถ้ามองรอบๆเมืองจะเห็นว่าจะมีควันออกมาตามจุดต่างๆเยอะมาก นั่นก็คือบ่อน้ำร้อนนั่นเองครับ

ที่นี่ของขึ้นชื่อก็คล้ายๆกับโออิตะครับ

Beppu มาแค่นี้ล่ะครับ รถด่วนเที่ยวต่อไปกำลังมาแล้ว ไว้มาเยือนใหม่นะ Beppu
จากนั้นก็นั่งรถยาวกว่า 2 ชม. มาที่ฮาคาตะ แล้วต่อรถไฟใต้ดินมาลงที่ Tenjin เดินมาเรื่อยๆจะเจอตรอกเล็กๆแห่งนึง

มาถึงแล้ว ร้านโอเด้ง “ยาสึเบเอะ”

ภายในร้านดูเก่าแก่

มีหม้อโอเด้งใหญ่ๆวางอยู่ที่เค้าเตอร์

อลังการมาก

ร้านนี้มีตากะยายช่วยกันทำอยู่ 2 คน บรรยากาศอบอุ่นมากๆ ชอบบรรยากาศร้านนี้ที่สุดในบรรดาร้านทั้งหมดที่มาเลย

ปลาแห้ง service จากทางร้าน เอามากินแกล้มสาเกคงอร่อย

ชอบอันนี้มากครับ ไชเท้ากับบุกราดมิโสะหวาน อันนี้ก็ service จากทางร้าน

พอสั่งโอเด้งที่ต้องการคุณตาก็ไปที่หม้อแล้วหยิบอย่างชำนาญ

จานแรกได้มาแล้ว สั่งไป 4 อย่างครับ

ร้านโอเด้งก็ต้องไชเท้าต้ม แน่นอนอยู่แล้ววว ซุปซึมเข้าไปถึงแก่นไชเท้าเลย หวาน นุ่ม อร่อยมากๆ

กะหล่ำปลียัดไส้ ต้มได้ที่มากๆ ตอนออกมารูปร่างส่วน แต่พอเอาตะเกียบคีบกลับนุ่มเอามากๆ

เต้าหู้ยัดไส้ ข้างในไส้เยอะมาก ทั้งแปะก๊วย เห็ด และอื่นๆอีกมากมาย

ตัวเต้าหู้ก็นุ่ม ซึมซับน้ำซุปเข้าไปเต็มที่

และที่ชอบที่สุดคือ ลูกชิ้นปลาอิวาชิ อร่อยมากๆ รสกลมกล่อม นุ่มๆ กินแล้วหยุดไม่ได้เลย

นึกขึ้นได้ว่าต้องลองไข่ต้มด้วย อร่อยมากครับ ต้มจนน้ำซุปเข้าไปถึงไข่แดงเลยทีเดียว เวลาต้มคุณตาจะต้มไข่ทั้งเปลือกเลย พอจะกินค่อยเอามาแกะครับ

หมดแล้วก็สั่งเพิ่มครับจัดมาอีก 3 อย่าง (ซ้ำลูกชิ้นปลาอีก ชอบ)

เห็นคนอื่นสั่งก็สั่งตาม ชาโตะอิโมะ หัวมันใหญ่มากๆ รสหวานธรรมชาติเข้ากับน้ำซุป

เต้าหู้ก้อน อันนี้ก็อร่อย เนื่องจากน้ำซุปกลมกล่อมมากๆ รสไม่หวาน กลมกล่อมยิ่งอากาศหนาวๆมาซดซุปโอเด้งที่นี่ ไม่ต้องไปไหนแล้วครับ

อ้ามมมมมมมมมมมมม

สรุปว่า ชอบครับ ชอบร้านนี้มาก รสชาติอร่อย แต่ที่ชอบที่สุดคือบริการจากสองตายายคู่นี้ น่ารักมากๆ แถมราคาไม่แพงด้วย

“ร้าน ยาสึเบเอะ”
เปิด: 18:00-23:00 หยุดวันอาทิตย์
map: https://plus.google.com/102503553704531232504/
หลังจากกินโอเด้ง เดินไปราว 15 นาทีก็ถึงร้านนี้ “ยาชิโยมารุ” จุดเด่นของร้านนี้คือเค้าจะเลี้ยงปลาไว้หลังร้านเลย ถ้าจะกินก็จับมาปรุงเลยครับ

ข้างหน้ามีรูปปลาที่น่าสงสารติดอยู่ (ออกแนวน่ากลัวเล็กน้อย)

เมนูมาแนวนี้อีกแล้ว…..ที่โหดร้ายคือผมอ่านคันจิไม่ค่อยได้

ที่ลำบากกว่านั้นคือ ผมรู้อยู่แล้วว่าร้านนี้เมนูเป็นแบบนี้เลย ทำการบ้านมาก่อนว่าจะสั่งอะไร แต่ว่าที่จะสั่งดันหมด (เพราะมาตอนร้านจะปิด) ทีนี้ก็งานเข้าเลยครับ สุดท้ายก็ต้องอาศัยให้เค้าแนะนำเอาแล้วกัน
Service ของทางร้าน อังคิโมะ

พวกร้านตอนกลางคืนจะเป็นร้านที่เน้นขายเหล้า แต่ผมเป็นคนไม่กินเหล้าเลยสั่งชาอูหลงมา ซึ่งราคาต่อแก้วพอๆกะเบียร์เลย

จานแรกมาแล้วครับ ซาซิมิปลา อะโกว (ไม่ใช่อังโคะนะครับ)

หน้าตาสยองมาก กลัวมันกระพริบตาได้ 5555

เนื้ออมชมพูสวยงามมาก รสชาติหวาน เนื้อเด้ง สดอร่อยครับ

สวยงามจริงๆ

เวลากินก็จิ้มพอนสึกับใส่เนงิ และเครื่องเล็กน้อย

ฟุกุ ชิราโกะยากิ ชอบมากอร่อยมากๆ จิ้มเกลือนิดนึง รสเค็มของเกลือดึงเอาความอร่อยของชิราโกะออกมา นุ่มๆอุ่นๆ ครีมๆ

ตัดดูข้างใน ครีมมี่สุดๆ

อีกจาน ปลาอาระกาบุย่างเกลือ (มันก็คือปลาคาซาโกะ แต่ที่นี่จะเรียกว่าอารากะบุ)

คือรสชาติแปลกมากครับ เค็มๆหวานๆ รสชาติเฉพาะตัวเลย อร่อยดี ต่างจากปลาที่เคยๆกิน

เนื้อแน่นหวาน ย่างได้ดีเลย

ปลาอะโกวตอนแรกที่เหลือ เค้าเอามาต้มเป็นซุปครับ ให้เราเอาไปทำอะไรกินต่อได้ อันนี้เป็นซุปมิโสะ อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ หอมสุดๆ

ส่วนอันนี้ทำโอชาสึเกะ มีบ๊วยกับเมนไทโกะ

“ร้าน ยาชิโยมารุ”
เปิด: 17.00 (เวลาปิดไม่แน่ใจครับ น่าจะราวๆ 5ทุ่ม) หยุดวันอาทิตย์ วันปีใหม่ วันเทศกาลต่างๆ
เว็บไซต์: http://yatiyomaru.kankai.net/
map: https://plus.google.com/110051660699884220154
ดึกแล้ว ข่มตานอนแต่ท้องไส้ยังหวนหา มาฮาคาตะแล้วไม่กินแผงลอยเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง เลยมาจัดที่ร้าน โคคินจัง ร้านแผงลอยดังที่หลงเหลืออยู่ ยังไม่เปิดเป็นร้านตัวเอง ร้านนี้เปิดมากกว่า 50ปีแล้ว และได้ลงรายการทีวีอยู่บ่อยครั้ง (ที่ตามมาก็เพราะดูรายการ โกโกริโกะ ใน True Vision นี่ล่ะ)

เมนู

เฮียแกกำลังผัดเลย

จัดมาก่อนเลยครับ เกี๊ยวซ่า ชิ้นเล็กๆพอดีคำ อร่อยมากๆ (350เยน)

ราเม็งซุปกระดูกหมู ของขึ้นชื่อที่สุดของฮาคาตะ ถ้าจะมากินต้องมากินที่ฮาคาตะเท่านั้น (500เยน)

น้ำซุปเข้มข้น เส้นเหนียวนุ่ม

ไส้หมูผัดเกลือ คนที่มาสั่งอันนี้เยอะ ไส้หมูไม่เหนียวเลย กรุบๆอร่อย (570เยน)

ของเด็ดของที่นี่ ยากิราเม็ง (ในรายการที่ดูก็นำเสนอเมนูนี้) เป็นการเอาเส้นราเม็งลวกแล้วมาผัดแบบยากิโซบะ แล้วใส่น้ำซุปกระดูกหมูลงไป ใช้ได้เลย (680เยน)

โดยรวมของแผงลอย รสชาติใช้ได้ครับ ไม่ถึงกับสุโก้ย แต่ราคาถูกมาก มีบรรยากาศแบบท้องถิ่นด้วย ถ้ามาก็น่าลองครับ
“ร้าน โคคินจัง”
เปิด: 18:30-ตี2 หยุดวันอาทิตย์ พฤหัส และตอนฝนตก
map: http://goo.gl/maps/2Q2lT
————–จบวันที่ 4 —————
อ่านตอนต่อๆไปได้ตามลิงก์นี้ครับ
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น
วันที่5
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-5/
วันที่6
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-6/
วันที่7
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-7/