© 2013 Ping. All rights reserved.

ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น วันที่5

ย้อนอ่านตอนเก่าได้ครับ

วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/

วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/

วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/

วันที่4
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-4/

วันที่ 5 – คุรุเมะ + คุมาโมโต้

เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว และเป็นอีกวันที่ต้องตื่นเช้า ภารกิจวันนี้มีมากมายยิ่งนัก เริ่มต้นวันกันที่สถานีฮาคาตะก่อน

รถไฟที่จะไปคือชินกังเซ็น ซากุระ จะออกตอน 7.53

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ซื้อเอกิเบ็นเตรียมไว้ก่อน

เลือกอันไหนดีน๊าาา

เลือกน้องแว่นคนขายแล้วกัน กลับไทยกับพี่มั้ยน้อง  เกย์ออก

มาแล้วชินกังเซ็นที่จะนั่ง หล่อโคตรรรรร

ขึ้นล่ะนะ

ข้างในหรูหรามากๆ

เอาล่ะพับโต๊ะออกมาเตรียมตัวกินเอกิเบ็นที่ซื้อมาเมื่อกี้

ชแว๊บบบบ ซื้อซาบะเมชิมาจ้าาา

แกะห่อโดยด่วน

แกะมาปุ๊บกลิ่นซาบะดองหอมแตะจมูกเลยครับ

ซาบะอร่อยมากๆเนื้อแน่นสุดๆ ดองได้รสอร่อยเข้ากับข้าวซูชิมากๆ

ขิงดองเอามาตัดรสชาติ

เผลอแป๊บเดียวถึงสถานีคุรุเมะ แห่งเมืองคุรุเมะแล้ว

เมืองคุรุเมะ จริงๆแล้วเป็นเมืองที่เป็นต้นตำรับของ ราเม็งน้ำซุปกระดูกหมู แต่ตอนหลังไปดังที่เมืองฮาคาตะหมด เพราะร้านดังๆอร่อยๆไปอยู่ที่ฮาคาตะครับ

นั่งรถไฟ Local ต่อไปอีก รสไฟมีแค่ 2 โบกี้เอง เล็กๆน่ารัก

อธิบายเพิ่มเติมเกียวกับสาย Local ของที่นี่นิดนึงครับ ตอนแรกงงมากๆ มีที่หยอดเงินหยอดบัตรกันในนี้ด้วย แล้วก็รู้มาว่า ที่นี่ห่างจากตัวเมืองมาก บางสถานีจะไม่มีตัวสถานี คนขับรถไฟเองจะตรวจตั๋วเองกันตรงนี้เลย ถ้าบัตรเงินไม่พอหรือผิด ก็หยอดเงินเพิ่มกันตรงนี้

ถึงแล้วสถานี Tameshimaru

ที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องตำนานกัปปะ มีพิพิธภัณฑ์กัปปะและสถาที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย (แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจ) แม้ตัวสถานีเองก็เป็นอาคารจำลองแบบจากกัปปะ (แต่ดูเหมือน โดนัลดั๊กมากกว่า)

แต่ธุระของผมไม่เกี่ยวอะไรกับกัปปะ เดินกันไปต่อ

บ้านคนระแวกนี้สวยงามมากครับ ชอบสุดๆ คล้ายๆพวกปราสาทหรือวัดเลย

แดดเริ่มส่องแล้ว

แถวนี้อีกาเยอะมากกกกก

สังเกตที่ยอดต้นไม้ มีเพียบเลย

ข้ามสะพานแม่น้ำตรงนี้

ตรงสะพานทีป้ายหินสลักชื่อคนพร้อมรูปภาพ เข้าใจว่าน่าจะเป็นของสวนแถวนี้เป็นคนสร้างสะพาน (แล้วแต่ล่ะป้ายชื่อก็ต่างกัน)

มีสวนเพาะไม้ประดับสวนที่บ้านด้วย

กำลังก่อสร้างทำทางน้ำ ใหญ่มากๆ

บ้านสวยอีกหลัง

ถึงแล้ว!! เดินมากว่า 40นาที กว่าจะถึง (มัวแต่ถ่ายรูปเพลินด้วยล่ะครับ) ที่นี่คือสวนสตอเบอรี่พันธุ์ “อามะโอว” สตอเบอรี่พันธุ์ที่ดังที่สุดของคิวชู และรู้จักกันดีในทั่วแคว้นแดนญี่ปุ่น

เข้าไปล่ะครับ

ข้างในเค้ากำลังคัดผลสตอเบอรี่อย่างจริงจังมากๆ

เห็นครั้งแรกถึงกับอึ้ง คือมันสวยงามมาก สีแดงสดมันวาว ที่สำคัญใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกก ขนาดลูกเล็กๆยังใหญ่เลย

คือที่นี่จะมีบริการกินเท่าไหร่ก็ได้ในสวน 30 นาที 1500 เยน พอแจ้งปุ๊บทางเค้าก็โทรเรียกคนมารับไปที่ตัวฟาร์ม (ห่างกับตัวออฟฟิศราวๆ 1-2 กม.)

เข้าไปในสวน อากาศอุ่นๆ ก่อนเริ่มเค้าจะแนะนำ กฎกติกามารยาท เช่น วิธีเด็ด ห้ามเดินลัดแปลง ต้องเดินตามทางเดิน

ตอนแรกเข้าใจว่าทั้งสวนจะแดงไปหมด แต่ความเป็นจริงแล้วมันก็มีทั้งสุกบ้างไม่สุกบ้าง เลือกเด็ดเอาเองครับ

แน่นอนว่าต้องเลือกที่แดงเถือกๆๆๆๆๆ

โอยน่ากินไปหมด เสริมนิดนึงครับ ที่ว่าพันธุ์ อามะโอว (อะ-มะ-โอ-อุ) มาจากคำว่า อะไม=หวาน, มะรุ=กลม, โอกี้=ใหญ่, อุไม=อร่อย

ปกติลูกก็ใหญ่อยู่แล้ว ดันมีลูกแฝดอีกแน่ะ

นี่มันอะไรกันนนนนนนนนนนนนนนน สตอเบอรี่ขนาดเท่าฝ่ามือ!!!!!!!!!!

ข้างในฉ่ำมากกกกกก หวานนนนนนนนนนน สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีความเปรี้ยวแจมมาแม้แต่น้อย

ดอกสตอเบอรี่ (ทำไมรู้สึกเป็นคำด่า)

หลังจากที่กินเสร็จแล้ว ก็ขอให้เค้าพาไปส่งสถานีหน่อย เนื่องจากที่นี่ห่างจากตัวเมืองมากรถไฟมีน้อยยังไม่ถึงเวลารถไฟมา เค้าเลยพาไปออฟฟิศเลี้ยงกาแฟก่อน

น้องหมาสมาชิกที่นี่ ดูอยากมาเล่นด้วย แต่ก็กลัวๆ

เหลือบไปมองสตอเบอรี่ที่กำลังคัดอยู่ เห็นแล้วอดใจไม่ได้ที่จะขอซื้อกลับ (ทั้งๆที่กินมาเต็มคราบแล้ว)

ซื้อมา 2 แพค แพคล่ะ 500 เยน

และก่อนกลับก็คุยๆกับเค้า ถามว่าปกติมีคนต่างชาติ มาเที่ยวที่นี่บ่อยมั้ย เค้าบอกว่าคนเกาหลีกับคนจีนเยอะมาก ส่วนคนไทยก็เคยมีมาทำรายการ (แต่ไม่ใช่รายการ Say Hi นะ) เค้าให้ดูรูป แต่ผมไม่รู้จักดาราเลยไม่รู้ว่าเป็นใครรายการอะไร 55555

แล้วก็ถามต่อว่าปกติคนที่มาเที่ยวเค้ามายังไงกัน เดินมาแบบผมรึเปล่า เค้าบอกว่าจริงๆแล้วมาถึงสถานี โทรเรียกให้ไปรับก็ได้ หรือบอกนายสถานี(เป็นภาษาอังกฤษ) ให้โทรให้ก็ได้ครับ…. เอือม แล้วตอนเช้าที่ตรูเดินมากว่า 40นาทีล่ะ….คิดว่าชมวิวแล้วกัน

“สวนผลไม้ Nakanoka”
เปิด: 8:00-18:00 (สตอเบอรี่จะกินได้ช่วงปลายธันวาคม-กุมภาพันธ์)
เบอร์โทร ในกรณีต้องการให้มารับที่สถานีครับ 094-372-2967
เว็บไซต์: http://www.nakanokajitsuen.jp/
map: https://plus.google.com/108862340323732495032/

หลังจากคนที่สวนขับรถมาส่ง เหมือนเค้าจะจำเวลารถไฟที่จะเข้าเมืองได้ทุกรอบเลย พอมารถจอดรถไฟก็มาพอดี เป๊ะมากๆ นั่งรถไฟย้อนกลับไปสถานีคุรุเมะ เรามีนัดกันที่นี่


จากสถานีเดินมาราวๆ 15 นาที หรือขึ้นรถเมล์มาก็ได้ครับ (แต่ขึ้นให้ถูกสายนะ)


แล้วก็มาถึงร้านนี้ “มาสึโอโชคุโดว” เป็นร้านที่เก่าแก่มาก เปิดมาตั้งแต่ปี 1931 หรือจะเข้า 82ปี ในปีนี้แล้ว


บรรยากาศภายในร้านครับ ดูขลังมากๆ ตอนที่มาก็มีคนเข้าออกอยู่เนืองแน่น ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่แถวๆนี้ ร้านนี้จะเปิดตอน 11.00 และปิด 15.30 เท่านั้นเองนะครับ


เมนูของร้านมีแค่ไม่กี่อย่างเองครับ กิวด้ง(ข้าวหน้าเนื้อ) คัตสึด้ง(ข้าวหน้าหมูทอด) ทามะโกะด้ง(ข้าวหน้าไข่) และของขึ้นชื่อ โอยาโกะด้ง(ข้าวหน้าไก่ไข่)


เริ่มนั่งคุณป้าก็จะเอายกชาเป็นกามาวางให้เลย จัดการเองเลยครับ




และไม่นานเท่าไหร่ของที่สั่งก็ได้แล้ว ที่ผมสั่งไปก็คือ โอยาโกะด้ง ของขึ้นชื่อ


เปิดฝาออกมา!!!!!!!!!! ชว๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงง


ไข่แดง แดงได้ใจมากกกกกกกกกก น่ากินสุดๆๆๆๆๆๆๆๆ


รสของซุปกับข้าวสุดยอดมากเลยครับ ไข่ก็กลมกล่อมอร่อยมากๆๆๆๆๆๆ


ราคาก็ไม่แพงด้วย ข้าวหน้าไก่ 2 ชาม (ผมกับน้องชาย) 1520เยน


หนังสือพิมพ์เก่าสมัยช่วงเปิดร้านแรกๆ มีข่าวน้ำท่วมครั้งใหญ่ และการปรับปรุงร้าน


แล้วก็รีวิวร้านนี้ตั้งแต่สมัยก่อนนู้นนนนแล้ว



“ร้าน มาสึโอโชคุโดว”
เปิด: 11:00-15:30 ปิดวันอาทิตย์
map: http://goo.gl/maps/LLSrq

มาต่อที่คุมาโมโต้ดีกว่าครับ

นั่งชินกังเซ็นจากคุรุเมะไม่นานก็ถึงแล้วครับ

ส่วนตัวแล้วชอบสถานีรถไฟที่นี่มาก ดูล้ำสุดๆ ทั้งๆที่เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

ออกมาก็เจอรถรางพอดีเลยครับ ที่นี่จะเดินทางใช้รถรางเป็นหลัก

รถที่เห็นเท่ๆนี่รู้สึกจะวิ่งไปสนามบินคุมาโมโต้ หล่อสุดๆ

แต่ผมนั่งคันนี้ รถรางหวานเย็น ราคาค่ารถคือ 150เยน ตลอดสายครับ

ภายในรถ

เรามาลงกันตรงนี้ครับ ย่านการค้า Sun Road Shinshigai

เข้ามาก็เจอร้านปาจิงโกะ บะเร่อ

เจอป้ายแล้วครับ สุดยอดร้านหมูทอด “ทงคัตสึ คัตสึเรสึเทย์”

เดินตามป้ายที่ชี้ก็เจอหน้าร้านแล้ว หาไม่ยาก

หินตกแต่งที่ทางเข้า

ร้านนี้ได้รับการันตีว่าเป็น Best Restuarant ในปี 2012 จากเว็บ Tabelog.com ด้วยครับ

เข้ามานั่งเลย!!!

เสิร์ฟชาแล้วครับ

ช่วงที่รอให้ที่บดงามา

งาพร้อม

ใส่ชามบดโลด

ชอบกลิ่นงาบดจริงๆเลยครับ หอมสุดๆ

หัวไชเท้าฝนที่นี่ หวานมากกกกก ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว หรือขมเลย รสออกหวานๆ เคยดูในทีวีเพิ่งเคยได้ลองกินเองนี่ล่ะครับ ถูกใจสุดๆ

เทโชยุรสอ่อนๆลงไป

ของทอดมาแล้วครับ อันนี้เป็นสันในหมู สำหรับคนชอบแบบไม่มัน (ผมสั่งแบบพิเศษ 180g ราคา 2,625เยน)

หมูชิ้นหนามาก ทอดได้ทั่วถึง ของนอกกรุบกรอบ ทอดได้เนี๊ยบสุดๆ

รสหวานของเนื้อออกมาเลยครับ นี่คือหมูดำจากเมืองโรโปคุ จังหวัดคุโกชิม่า ที่ขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องของหมูดำครับ ต่างจากที่เคยกินมาจริงๆ

โซ้ยกับข้าวสวยเลย ข้าวมันเงา เม็ดอวบอิ่มเติมได้ไม่อั้น

ผักดองตัดรสชาติซักหน่อย

ซดกับมิโสะหน่อย มิโสะที่นี่อร่อยมาก

จานนี้เด็ดที่สุดในร้านครับ หมูสันนอกทอด สำหรับคนไม่แคร์เรื่องของมันๆ (แบบพิเศษ 180g ราคา 2,520เยน)

อันนี้อร่อยมาก อร่อยสุดๆ อร่อยกว่าร้านที่กินที่โตเกียวอีกครับ หมูทอดไม่ต้องจิ้มอะไรก็อร่อยแล้ว

หมูนุ่มสุดๆ รสชาติเข้มข้นของหมูออกมาเลยครับ แต่ยิ่งจิ้มซอสสูตรเฉพาะของทางร้านก็ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ (ซอสที่นี่จะมี 2 แบบ แบบข้น กับแบบอ่อน อร่อยทั้ง 2 แบบเลยครับ)

หรือให้รสชาติหมูออกมาอย่างเต็มที่ก็ต้องจิ้มเกลือครับ

กะหล่ำปลีที่นี่ก็เติมไม่อั้นครับ มีน้ำสลัดทำเองของทางร้านให้เลือกทั้งแบบข้น และแบบใส

แน่นอนว่ามาทั้งที ขอลองเมนูของทอดอย่างอื่นหน่อย

หอยนางรมทอด 1 จานมี 3 ชิ้นเลย

เมนูแนะนำกุ้งตัวโตๆทอด (575เยน)

ข้างในกุ้ง เนื้อเด้งมากๆ

ร้านนี้ประทับใจในรสชาติมากครับ ขนาดกินร้านที่สุดยอดในโตเกียวมาแล้ว ร้านนี้สุดยอดกว่าอีกครับ ทั้งรสชาติ และการทอด ให้เป็นอันดับ 1 ในหัวใจหมวดของทอดไปเลย

“ร้าน คัตสึเรสึเทย์”
เปิด: 11:30-22:00 (L.O.21:30)
map: http://goo.gl/maps/Gk81M

พักเรื่องของกินแป๊บ เดี๋ยวพาไปเที่ยวปราสาทคุมาโมโต้ครับ ปราสาทคุมาโมโต้เป็น 1ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเกาะคิวชูเลย ตอนที่ไปนอกจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเอง ก็มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีน และเกาหลีต่างมาชมปราสาทกัน แต่เรื่องพวกประวัติศาสต์ผมไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ ใครสนใจก็ตามอ่านใน wikipedia เอานะครับ^^”

จากร้านที่กินเมื่อกี้ก็เดินไปได้เลยครับ

ระหว่างทางเจอสวนเล็กๆ แต่ต้นไม้ใหญ่มาก

บริเวณใกล้ๆปราสาท มีรูปปั้นของ KATO KIYOMASA ผู้สร้างปราสาทคุมาโมโต้อันเลื่องชื่อ

รอบๆปราสาทก็มีคูน้ำ ตามหลักยุทธวิถึ

สวยงามเหมือนกันนะ

ที่เจ๋งคือ ในคูน้ำมีเลี้ยงปลาคาร์ฟตัวบะเร่อ!! เลี้ยงแบบนี้ในบ่อเปิดบ้านเราคงโดนจับไปแล้วแหงมๆ

ปลากำลังว่ายทวนน้ำอย่างมาความสุข

นอกจากปลาก็มีเป็ด!!!

นอกจากเป็ดก็มีนกกระยาง!! นี่มันอะไรกันนี่!!!

เข้ามาเที่ยวปราสาทดีกว่า เสียค่าเข้าชม 500เยนครับ ช่วงนี้เป็นช่วง low คนเข้าชมน้อย เลยเป็นช่วงบำรุงก่อสร้าง

เห็นปราสาทไกลลิบๆ จินตนาการตอนช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ต้องงดงามแน่ๆ สัญญากับตัวเองไว้ว่าสักปีที่ช่วงซากุระบานต้องมาที่นี่ให้ได้

ที่นี่กำแพงหินสูงมากครับ นึกภาพศัตรูที่กำลังบุกปราสาท แล้วเหนื่อยแทนจริงๆ ยากมากที่จะยึกปราสาทนี้ได้

ถ้าดอกไม้ผลิเต็มแถวนี้นะ โอ้ววว

กว่าจะถึงตัวปราสาทก็มาชมอาคารโดยรอบกันก่อนครับ

เห็นปราสาทใกล้เข้ามาแล้ว

ถึงแล้วววว

แต่จะไปตึกนั้นก่อนครับ เป็นตึกเก่าที่อนุญาตให้เข้าชมได้

ข้างในก็มีโชว์จัดแสดงเกี่ยวกับโครงสร้างต่างๆ แต่ค่อนข้างมืด ถ่ายมาได้ไม่ค่อยชัด

ขี้นไปข้างบนสุด ถ่ายรูปปราสาทจากมุมนี้ได้ด้วย จากนั้นก็เข้าไปดูภายในตัวปราสาทคุมาโมโต้กัน

ข้างในปราสาทเค้าบูรณะใหม่หมดแล้ว ทำเป็นพิพิธภัณฑ์เรื่องราวเกี่ยวกับปราสาท อย่างภาพนี้เป็นชื่อของทหารที่ช่วยกันปกป้องปราสาทแห่งนี้ครับ

หุ่นจำลองปราสาท

ขึ้นมาชั้นบนสุดแล้ว

ออกมาปราสาทก็ปิดบริการพอดีครับ คนก็ทยอยออกกันหมดแล้ว

ข้างๆปราสาทก็มีร้านขายของฝาก ร้านอาหารทำเป็นแนวหมู่บ้านเก่าๆ

หลังจากเดินย่อยที่ปราสาทแล้ว ก็ไปร้านต่อไปเลย

ขณะที่กำลังเดินอยู่ก็ไปเห็นป้ายนี้เข้า คินนุกุแมน มัสเซิล มิวเซี่ยม!! อยู่ชั้นบนของห้าง Parco

ปรากฎว่าวันที่จัดคือวันถัดไป วันนี้เค้าเตรียมงานกันอยู่ แต่หลักก็เป็นขายสินค้าคินนุกุแมนครับ แต่ก็มีเอาต้นฉบับของ อ. มาโชว์ด้วย (แอบถ่ายจากชั้นบน)

เอาล่ะมาร้านต่อไปซักที ถ้าพูดถึงคุมาโมโต้แล้ว ก็ต้อง “เนื้อม้า” ถือว่าเป็นอาหารชื่อดังมากของจังหวัดนี้ และร้านนี้เป็นร้านที่ได้เรทติ้งสูงที่สุดในบรรดาร้านที่ขายเนื้อม้าเลยทีเดียวครับ

ร้านนี้คนจองเต็มหมดแล้วครับ แต่ถือว่ามีความโชคดีในความโชคร้าย ที่มีโต๊ะนึงเค้าจองไว้ 2ทุ่มครึ่ง ผมไปถึงตอน 6โมงครึ่ง ถ้านั่งไม่นานก็กินได้ครับ

ดูเมนูเลยดีกว่า ร้านนี้มีเมนูภาษาอังกฤษด้วยนะ

เริ่มจากของกินเล่นก่อน ยุเกะเนื้อม้า (1050 เยน)

เนื้อสวยมากครับ มันน้อยเนื้อนุ่ม

เวลากินก็คลุกทั้งหมดรวมกัน อร่อยมากกกกกกกก เนื้อนุ่ม หวานสุดๆ

แน่นอนว่า มาถึงคุมาโมโต้ ก็ต้อง “บะซาชิ” หรือ ซาซิมิเนื้อม้า!!! ในรูปสำหรับ 1-2คน มีอย่างล่ะ 2 ชิ้นครับ (2,100 เยน)

แต่ผมไม่รู้ว่าส่วนไหนเรียกว่าอะไรบ้าง รู้แต่ว่า “ยิ่งไม่มีมัน เนื้อยิ่งนุ่ม” เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนที่จะลดน้ำหนักแต่อยากกินของอร่อยๆมากครับ

ซอสจิ้มกับโชยุใส่กระเทียมเล็กน้อยครับ

ส่วนนี้เป็นส่วนที่ชอบที่สุดครับ หวานนุ่มลิ้นมากๆ แทบละลายในปากเลย

ส่วนที่มีมันแทรกแบบนี้จะแข็งๆหน่อย แต่จะได้สัมผัสแบบเคี้ยวกรุบๆ

ส่วนนี้ก็นุ่มครับ แต่จะมีสัมผัสให้เคี้ยวอยู่

เป็นส่วนเนื้อแดงกับมันแยกกันอย่างล่ะชิ้น จริงๆน่าจะให้กินพร้อมกัน แต่ผมแยกกินอยากรู้สัมผัสความแตกต่าง

ส่วนนี้ไม่รู้ส่วนไหน น่าจะคล้ายๆเครื่องใน อันนี้ก็นุ่มอร่อยครับ

ส่วนที่เป็นมัน 3 ชั้น ส่วนนี้จะเหนียวๆหน่อย ต้องเคี้ยวครับ แปลกมากๆ

จานต่อไป เสต็กเนื้อม้า ราดซอสแบบญี่ปุ่น อันนี้สุดยอด!!!!!!!!!!!!!!!! (2,500เยน)

เนื้อนุ่มกว่าเนื้อ A5 อีกครับ แถมไม่มันด้วย กินเท่าไหร่ก็ได้

ร้านนี้ดังมาก มีดาราคนดังแวะเวียนมากันเป็นประจำ ถ้าวันหลังมาอาจจะต้องจองไว้ก่อน คงไม่โชคดีเหมือนวันนี้

เนื้อม้าที่คุมาโมโต้เป็นเนื้อที่อร่อยมากๆครับ ไม่มีกลิ่นคาวอะไรเลย เนื้อออกรสหวาน เข้มข้น ใครมีโอกาสอยากให้มาลองกันนะครับ ถ้าไม่กล้ากินดิบๆ ที่ร้านมีเมนูจำพวก ชาบู ชาบู ยากินิคุ พวกนี้ด้วยครับผม ถ้ามีโอกาสอยากมาลองหลายๆเมนูเลย

“ร้าน ซากาโนะยะ”
เปิด: [วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดจะมีมื้อกลางวัน] 11:30~14:00(L.O.13:30)
[มื้อเย็น] 16:00~ตี1 (L.O.เที่ยงคืนครึ่ง)
ปิดช่วงวันปีใหม่ 31ธ.ค.-1ม.ค.
map: http://goo.gl/maps/bq0nC

และแล้วก็ถึงเวลาต้องกลับ ฮาคาตะแล้ว

ช่วงที่นั่งรถไฟกลับก็ควักไอเท็มลับออกมา…..ชิ๊งงงงงงงงงงงงง ข้าวกล่อง “อายุยะซันได” ที่ได้ชนะการประกวดข้าวกล่องเป็น อันดับ 1 ของคิวชูหลายปีซ้อน

จริงๆข้าวกล่องนี้ผมแอบซื้อตั้งแต่ตอนมาคุมาโมโต้แล้วครับ และเหลือกล่องเดียวพอดีเลย

ตัวกระดาษเขียน story  ด้วย

พร้อมเปิดล่ะครับ

ขนาดซื้อมาทิ้งไว้ทั้งวัน สภาพยังดูดีมาก และรสชาติยังสุดยอดสุดๆ ทุกอย่างเข้ากันหมด ไม่ว่าปลาอายุต้มซีอิ๊ว ข้าว ผัก ทุกอย่างกินได้อย่างลงตัวสุด เป็นข้าวกล่องที่อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สมฐานะอันดับ 1 ของเกาะคิวชูเลย

และนี่คือที่มาของที่ผมตามรอยข้าวกล่องนี้ครับผม จากการ์ตูนเรื่อง ตะลอนชิม ข้าวกล่องรถไฟ เล่มที่ 1

ในเรื่องตัวเอกกำลังไปคุมาโมโต้เหมือนกัน แต่แวะลงสถานีกลางทางเพื่อซื้อเอกิเบนกล่องนี้ ทีแรกก็นึกว่าต้องอดแล้วเพราะถ้าที่คุมาโมโต้มีขายตัวเอกในเรื่องไม่น่าจะต้องลงสถานีกลางทาง แต่จากที่ผมหาข้อมูลมาตัวสถานีคุมาโมโต้ก็มีขาย เลยได้มีโอกาสลองซื้อมากินดู โชคดีแท้ๆ

มาถึงฮาคาตะ แรงก็เริ่มหมดแล้ว ตื่นแต่เช้า เดินๆกินๆทั้งวัน นอนก็น้อย แต่ใจยังสู้ ขอร้านสุดท้ายของวันก่อนแล้วกันครับ

มาที่ร้าน “เซย์มอนบะราอิ” อยู่ในย่านการค้าใกล้ๆสถานีรถไฟใต้ดิน Nakasukawabata จุดเด่นของร้านคือ มีตู้เลี้ยงปลาหมึกยาริอิกะหน้าร้านเลย รวมไปถึงปลานานาชนิด

ยาริอิกะ ของขึ้นชื่อ

ปลาอาระกาบุ หรือคาซาโกะที่กินไปเมื่อวาน

และปลาอะโกว

เข้าไปเลย

ภายในร้านเป็นเคาเตอร์ๆ ข้างในก็มีห้องส่วนตัวสำหรับมากันเยอะๆครับ

หน้าเคาเตอร์อลังการมากครับ อารมณ์เหมือนแผงของสดร้านข้าวต้มกุ้ยบ้านเราให้เลือกของสดมาทำอาหาร แต่นี่ปลาไฮโซทั้งนั้น

ของกินเล่นมาแล้ว Service ของทางร้านครับ

มาแล้วครับ อยากมานานแล้ว อยากกินหอยเม่นให้เต็มคราบ ร้านนี้จัดให้เป็นกล่องๆเลย

สดมากกกกกกกก

เวลากินก็เอาสาหร่อยมาห่อแล้วยัดลงปากเลยครับ กินรอบนี้ทำเอาหอยเม่นไร้ค่าไปเลย 55555+

มาแล้วครับ ซาซิมิ ยาริอิกะ เพิ่งว่ายน้ำอยู่หน้าร้านตะกี้เอง รสชาติหวานมากๆ ไม่ต้องจิ้มโชยุก็อร่อยอยู่แล้ว

จะจิ้มโชยุก็อร่อย

ส่วนหนวดมันยังดุบๆ ปุ่มยังดูดๆอยู่เลยครับ

ส่วนนี้ผมชอบที่สุด มันจะกรึบๆ หวานๆ เพลินเอามากๆ

ซดซุปมิโสะหน่อย สั่งมิโสะหอยอาซาริมาครับ เมนูเรียบง่ายๆบ้านเราก็มี….แต่ สังเกตขนาดชามกับตะเกียบดูครับ

มันใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกก หอยก็ใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

และให้หอยเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก รสชาติซุปก็กลมกล่อมสุดๆ

ตบท้ายสุดด้วยปลาคุเอะย่างเกลือ เป็นปลาที่อร่อยที่สุดในฤดูนี้ครับ อยากกินมานานแล้ว เห็นแต่ในทีวี เนื้อมันจะแน่นๆ เนื้อเยอะๆ ปลาคุเอะนี่ตัวจริงๆใหญ่มากนะครับ นี่คือตัดมาส่วนนึงมาย่างให้กิน

ร้านนี้รสชาติอาหารอร่อยครับ แต่ไม่ถึงกับอร่อยเวอร์ๆ เหมาะสำหรับอยากลองปลาหลายๆแบบ หลายๆชนิด คุ้มค่ามากครับ (ร้านนี้ค่าเสียหายหมดไป 11,150 เยน)

“ร้าน เซย์มอนบะราอิ”
เปิด: 17:00-23:45(L.O.22:45)
map: https://plus.google.com/117702573551925902708/

—————–จบวันที่ 5————————–

อ่านตอนต่อๆไปได้ตามลิงก์นี้ครับ

ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น

วันที่6
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-6/

วันที่7
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-7/