Browse
ย้อนอ่านตอนเก่าได้ครับ
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/
วันที่4
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-4/
วันที่ 5 – คุรุเมะ + คุมาโมโต้
เข้าสู่วันที่ 5 แล้ว และเป็นอีกวันที่ต้องตื่นเช้า ภารกิจวันนี้มีมากมายยิ่งนัก เริ่มต้นวันกันที่สถานีฮาคาตะก่อน
รถไฟที่จะไปคือชินกังเซ็น ซากุระ จะออกตอน 7.53
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ซื้อเอกิเบ็นเตรียมไว้ก่อน
เลือกอันไหนดีน๊าาา
เลือกน้องแว่นคนขายแล้วกัน กลับไทยกับพี่มั้ยน้อง
มาแล้วชินกังเซ็นที่จะนั่ง หล่อโคตรรรรร
ขึ้นล่ะนะ
ข้างในหรูหรามากๆ
เอาล่ะพับโต๊ะออกมาเตรียมตัวกินเอกิเบ็นที่ซื้อมาเมื่อกี้
ชแว๊บบบบ ซื้อซาบะเมชิมาจ้าาา
แกะห่อโดยด่วน
แกะมาปุ๊บกลิ่นซาบะดองหอมแตะจมูกเลยครับ
ซาบะอร่อยมากๆเนื้อแน่นสุดๆ ดองได้รสอร่อยเข้ากับข้าวซูชิมากๆ
ขิงดองเอามาตัดรสชาติ
เผลอแป๊บเดียวถึงสถานีคุรุเมะ …
ย้อนอ่านตอนเก่าได้ครับผม
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/
วันที่4
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-4/
วันที่5
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-5/
วันที่6
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-6/
วันที่ 7 – วันสุดท้าย
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วครับ เครื่องออกตอน 3 ทุ่ม ยังมีเวลาพอทำอะไรได้อยู่ ตอนเช้าเช็คเอาท์ที่รร. ฝากของไว้ที่เคาเตอร์ก็ออกมาจิบน้ำชารับอรุณซักหน่อย
มาที่ร้าน jacques เป็นร้านเค้กที่ได้รับความเรตติ้งสูงที่สุดในฮาคาตะ มีทั้งหมด 2 สาขาคือที่ Akasaka และที่ Ohori …
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น วันที่6
ย้อนอ่านตอนเก่าได้ครับผม
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น
วันที่ 1
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu/
วันที่ 2
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-2/
วันที่3
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-3/
วันที่4
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-4/
วันที่5
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-5/
วันที่6 – ฮาคาตะ
หลังจากที่ใช้ตั๋ว JR จนคุ้มค่าหนำใจครบ 3 วันแล้ว ก็มาเที่ยวที่ฮาคาตะอย่างเด็มที่บ้างดีกว่าครับ
สำหรับที่ฮาคาตะจะมีตั๋วรถไฟใต้ดินแบบตั๋ววันอยู่ วันธรรมดา 600เยน วันหยุด 500เยน คุ้มค่ามากๆ

ที่ผมจะขึ้นเป็นรถไฟสายสีเขียว ที่ชอบคือ มันสีเขียวจริงๆด้วย
ขนาดนายสถานียังแต่งยูนิฟอร์มเขียวเลย

เช้านี้จะมาเที่ยวตลาดปลา ปกติผมถ้ามาต่างที่ต่างถิ่นแบบนี้ มักจะมาดูตลาดปลา เพราะจะเห็นปลาตามท้องถิ่นนั้นๆครับ
มาลงที่สถานี Watanabe-dori

ย่านนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

เดินไปไม่ไกลเท่าไหร่ก็มาเจอตลาดครับ ปลาเพียบ

เครื่องโอเด้งก็มีขาย

ราคาไม่แพงด้วย

ขนมญี่ปุ่นก็มี

ของตากแห้งครับ เขียนกำกับไว้ด้วยว่า ผลิตในคิวชู

อันนี้น่าสนใจมากครับ พวกปลาตากแห้ง แล้วก็มีก้างปลาตัวใหญ่ๆตากแห้ง เอามาต้มน้ำซุปคงอร่อย

ของทะเลสดๆเพียบ

เมนไทโกะของดีของฮาคาตะ

เครื่องปรุง ของแห้ง อาหารสำเร็จรูปก็มี

ร้านขายเนื้อต่างๆ

พวกผักผลไม้ก็เพียบครับ

ปลาตากแห้ง ของดอง

มาดูพวกปลากันต่อครับ ปลาแปลกๆเยอะมาก

มิรุไก (หอยงวงช้าง) ขีดล่ะ 180 เยน (โลล่ะประมาณ 600 กว่าบาท)

ปูก็มีครับ

พูดตรงๆ ถ้ามีบ้านแถวนี้อยากลองเอาปลาพวกนี้ไปทอดน้ำปลา นึ่งมะนาวดู อาจจะได้รสชาติอันดับโลกไปเลย

หน้าสถานีก็มีซุปเปอร์อยู่ ข้างในก็ขายอาหารต่างๆ แม่บ้านมาซื้อที่นี่กันมากกว่าครับ

ที่นี่ก็มีร้านอาหาร แต่เริ่มเปิดกัน 10-11 โมง ตอนที่ไปยัง 8โมงเช้าอยู่ ไม่มีอะไรให้กินครับ ไปที่ต่อไปดีกว่า
จากตลาดนั่งสายสีเขียวต่อมาอีก 2 สถานี มาลงที่สถานี Yakuinodori ครับ
ข้างหน้ามารูปปั้นนี่อยู่

เดินเข้ามาในย่านชุมชน เดินมาราวๆ 10 นาทีก็ถึง

ถึงแล้วครับ ร้าน France คาชิ 16 คุ (ฟุรันสึคาชิจูโรคคุ)

ใกล้เทศกาลวาเลนไทน์แล้ว(เชอะ) ขายช็อกโกแล็ตเพียบเลย

ในร้านขายขนมหลายแบบครับ ทั้งคุกกี้

เค้กเพียบ ตระการตาสุดๆ

ก้อนใหญ่ๆก็มี

อยากจะงับทั้งก้อน!!!

อยากจะกินทุกอย่างเลย

นี่ก็น่ากิน

เลือกไม่ถูกเลย

ถั่วเคลือบช็อกโกแล็ต สำหรับเทศกาล เซ็ตสึบุง ที่ปาถั่วไล่ยักษ์ จะจัดขึ้นวันที่ 3 กพ. ถือว่าเป็นวันเปลี่ยนฤดูครับ

และช็อคโกแล็ตวันวาเลนไทน์ (เชอะ)
ร้านนี้เปิดตอน 9โมง ซึ่งผมกะเวลากินร้านนี้ก่อนเพราะเปิดเร็ว แต่ทว่า ส่วนที่เป็นนั่งกินเปิด 10โมง!!! ตายๆๆๆ ถ้ารอก็ต้องรอราวๆ 45 นาที จะซื้อกลับ รร.ก็กลัวเค้กเละ ทางร้านเลยเสนอให้กินที่นั่งข้างนอก มีที่นั่งสำหรับคนสูบบุหรี่อยู่ แต่ข้างนอกอุณหภูมิราวๆ 5องศาได้ แม่จ้าววววว แต่เอาก็เอาวะ 55555
เค้กที่สั่งมามีดังต่อไปนี้
สตอเบอรี่ช็อตเค้ก ของพื้นๆที่ผมมักจะสั่งมาลองรสชาติครีมของร้าน ครีมรสนุ่ม สตอเบอรี่ลูกโตๆหวานฉ่ำ อร่อยมากครับ

มองบลัง ครีมนุ่มสุดยอด ครีมเกาลัคเหมือนใส่กาแฟนิดนึงด้วย หอมเอามากๆเลย

ด้านในครับ

อันนี้น่าตาดีมากมองข้ามไม่ได้เลย ชื่อจริงๆไม่รู้อะไร แต่ถอดแบบการอ่านแบบญี่ปุ่นคือ “วานิเอ ฟลันโววัซ”

ครีมนุ่มๆ แป้งพายกรอบๆ เบอรี่หวานละมุนมากๆ สุดยอดเลยครับชิ้นนี้

“ร้าน ฟุรันสึคาชิจูโรคคุ”
เปิด: 9:00-20:00 (ชั้น2 ส่วนให้นั่งกินเปิด 10.00-19.30) หยุดวันจันทร์
map: http://goo.gl/maps/msX0s
ตอนนี้บอกตรงๆเบื่ออาหารญี่ปุ่นมากครับ แต่กำหนดการเตรียมไว้เหมือนรู้ ร้านที่จะมาต่อไปนี้คือร้านอาหารอิตาเลียนท้องถิ่น คือที่ฮาคาตะนี้ ร้านอาหารอิตาเลียนเยอะมากกกกกก ส่วนใหญ่ก็จะชื่อร้านประมาณ บิสโตร xxxx ไม่ก็ตรัสโตเรีย xxxx (เหมือนในการ์ตูนเรื่องแบมบีโนเลย)
เนื่องจากมีเยอะมาก ร้านที่เลือกกินมื้อกลางวันนี้คือร้านที่เรตติ้งสูงๆจากเว็บ tabelog นี่เอง (ก็ไม่มีแหล่งข้อมูลอื่นในมือเลย) มาที่ร้าน Britrot Mitsou ร้านนี้ห่างจากที่พักไม่มาก เดินมาราวๆ 15 นาทีก็ถึงครับ

สังเกตที่ชั้น 2 มันคุ้นๆตา อ้อ ร้านอาหารไทยนี่เอง (ร้านข้าวสาร)

ช่วงกลางวันมีโปรโมชั่นคอร์สมื้อกลางวันด้วย

บรรยากาศข้างในร้าน จะเป็นร้านเล็กๆ ครัวอยู่ตรงเคาเตอร์เลย เชฟส่วนใหญ่ยังหนุ่มสาวกันหมด (เหมือนเรื่องแบมบีโนมาก) แล้วก็จะมีมาสเตอร์เป็นเชฟใหญ่ยืนคุมทุกอย่างอยู่ ทั้งการทำอาหารและการเสิร์ฟ

เนื่องจากเป็นย่านที่อยู่อาศัยช่วงกลางวัน และเป็นวันธรรมดา ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านคุณนายซะเยอะ

เมนูครับ หลักๆเลยจะเป็นคอร์สอาหารกลางวัน ราคาจะต่างกันตามขนาดของคอร์ส ซึ่งจะมี ออเดิร์ฟ ซุป จานปลา จานเนื้อ ของหวาน ของหวาน ชาหรือกาแฟ โดยอาหารเราจะเลือกไม่ได้นะครับว่าจะกินอะไร ขึ้นกับวัตถุดิบในวันนั้นๆ
เช่น ราคา 1,600 เยน ให้เลือกว่าจะเอาจานเนื้อหรือจานปลา อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้า 2,800 เยนก็ได้ทั้ง 2 อย่างเลย
และถ้าใครอยากนอกลู่นอกทางไม่สนใจคอร์สที่เค้าจัดให้ ก็สามารถเลือก พริฟิกซ์คอร์สได้ในราคา 3,900 เยน เลือกของได้ตามชอบ ซึ่งจะมี ของเรียกน้ำย่อย ออเดิร์ฟ จานหลัก ของหวาน ชาหรือกาแฟ โดยเลือกจากเมนูที่แปะด้านบนแบบในภาพ ซึ่งบางเมนูต้องบวกเงินเพิ่มนะครับ

สรุปว่าผมเลือกเมนูอาหารกลางวัน มินิฟูลคอร์ส 2,800 เยน กับ พริฟิกซ์คอร์ส 3,900 เยน และที่งานเข้าคือตอนเลือกเมนูในพริฟิกซ์คอร์สนี่ล่ะครับ ตาลายมากๆ

เครื่องดื่มมาแล้ว หน้าตาเหมือนเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เลย แต่มันคือ จิงเจอร์เอล น้ำขิงผสมโซดานั่นเองครับ (500เยน)

อาวุธพร้อม

ขนมปังมาก่อนเลย

ของเรียกน้ำย่อยมาแล้วครับ

ออเดิร์ฟของคอร์สอาหารกลางวันครับ

ท้อปปิ้งด้วยไข่ปลาแซลมอน

ปลาไทสีสวยมาก

อันนี้เป็นออเดิร์ฟที่เลือกเองครับ จานนี้บวกราคาจากคอร์สไปอีก 500 เยน (สั่งแยกได้ในราคา 1,900เยน)

มันคือฟัวกราไส้ฟิกแยม (เพื่อนผมว่ามางี้นะ) เสิร์ฟพร้อมสลัดผัก

รสชาตินุ่มนวลมากๆ ไม่มันเลี่ยน ไม่คาว ไม่ออกรสขมเลย รสเปรี้ยวหวานของแยมเข้ากับฟัวกราได้ดีเยี่ยมครับ

จานซุปของคอร์สอาหารกลางวันครับ ซุปฟักทอง กลมกล่อม อร่อยเหาะ

จานปลาของคอร์สอาหารกลางวันมาแล้วครับ จานนี้ผมชอบมากๆ เป็นปลาไทกับชิราโกะทอด

ปกติกินชิราโกะมาหลายแบบ เพิ่งได้มากินสไตล์อาหารฝรั่งก็คราวนี้

ข้างนอกกรอบข้างในเป็นครีมๆ เข้ากับซอสดีมากๆครับ

ตัวปลาก็อร่อยครับ หนังกรุบกรอบ เนื้อแน่นหวาน กินอาหารท้องถิ่นก็ดีงี้ครับสดมากๆ

จานหลักของผมมาแล้ว เนื้อนกเป็ดน้ำย่าง จานแนะนำของทางร้าน แถมต้องบวกราคาจากคอร์สปกติอีก 2,400 เยนแน่ะครับ (สั่งแยกราคาจานล่ะ 4,200 เยน)

ย่างแบบมิเดียมแรร์ สีสันสวยมากๆ รสเข้มข้นจะคล้ายๆกับเป็ดบ้านเรา แต่จะกลมกล่อมกว่า นุ่มละมุนกว่า

จานนี้เค้าแยกส่วนต่างๆไว้เป็นมุมๆ แต่ล่ะส่วนรสชาติก็จะต่างกัน อย่างเนื้อน่องนี้จะค่อนข้างเหนียวเล็กน้อย เพราะเป็นนกเป็ดน้ำตามธรรมชาติจะมีกล้ามเนื้อเยอะ ไม่มีมัน แต่รสเข้มข้นอร่อยมาก นอกจากนี้ยังมีพวกเครื่องในย่างด้วย แต่เครื่องในผมว่าไม่ค่อยต่างอะไรกับเครื่องในไก่บ้านเรานะ

จานเนื้อของคอร์สอาหารกลางวันครับ เป็นเนื้อตุ๋น

ตุ๋นได้ดีมากๆเลยครับ นุ่มสุดๆ ซอสเข้าถึงเนื้อในเลย

นุ่มสุดๆ แทบไม่ต้องเคี้ยวเลยครับ

ตบท้ายด้วยของหวานเลย สำหรับคอร์สอาหารกลางวันจะเป็นเซ็ตของหวานแบบในภาพครับ

มีเค้กช็อกโกล่า

มูสแบบญี่ปุ่นซอสออกรสบ๊วยครับ อร่อยมากๆ

ตบด้วยเจลาโต้ชา

ส่วนแบบสั่งเองก็ขอจัดแบบดีที่สุดมาเลย ฟรอม่าชูบลัน ซอสผลไม้แดง บวกอีก 200เยน (สั่งแยกได้ในราคา 700เยนครับ)

มันจะเป็นคล้ายๆโยเกิร์สสดราดด้วยซอสเบอรี่ครับ

รสเปรี้ยวๆตัดด้วยรสหวานๆของซอสผลไม้ อร่อยมากๆ

สรุปว่าถ้ามาคนเดียว สั่งคอร์สอาหารกลางวันที่เค้าจัดให้จะดีกว่าครับ คอร์สแบบสั่งเองก็อร่อย แต่ผมว่าราคามันต่างกันเยอะเกิน (จริงๆก็เพราะผมสั่งแบบจัดหนักด้วย ทำให้คอร์ส 3,900เยน กลายเป็น 7,000เยนไปเลย) และถ้าสั่งแบบคอร์สอาหารกลางวันเชฟก็จะทำอาหารง่ายขึ้นด้วย ลดขั้นตอนการทำเลยให้คิดราคาได้ถูกด้วยครับ
สรุปค่าเสียหายของมื้อนี้เป็น 10,800เยน
ตอนออกจากร้านคนแน่นร้านเลย

“ร้าน Britrot Mitsou”
เปิด: 11:45-14:00 18:00-21:30 หยุดวันอังคาร
เว็บไซต์: http://mitsou.co.jp/
map: https://plus.google.com/100004557409053168822
กินเสร็จก็ตัดออกถนนไดเมียว มีพูดถึงถนนเส้นนี้นิดหน่อยในแบมบีโนเล่มแรก ตอนนี้มาสเตอร์บอกให้ตัวเอกไปช่วยทำงานพิเศษร้านเพื่อน แล้วตัวเอกถามว่าร้านอยู่ที่ไหน หรือจะเป็นย่านที่ทันสมัยอย่างไดเมียว
แต่ถนนเส้นนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรครับ คล้ายๆสยามบ้านเรามีร้านแฟชั่นปะปรายตามท้องถนน มีทั้ง Street brand และ Local Brand และร้านอาหารเยอะมาก

ตัดออกมาเจอห้างนี้เลยแวะซักหน่อย

มาด้วยความบังเอิญ มาเจอมหกรรมอาหาร คนเพียบเลย

มีให้ชิมกันด้วย ถ้าเป็นวันแรกๆคงชิมกระจายแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนกินทุกอย่างของเกาะนี้ไปแล้วยังไงก็ไม่รู้ 5555

แล้วก็มาเจอคนต่อคิวยาวมากๆตรงนี้

คิวต่อไปรออีก 30นาที นี่มันอะไรกัน

เข้าไปใกล้ๆไม่ได้ครับคนเยอะมาก แต่ที่ดูมันคือ ซูชิห่อเต้าหู้ แค่นั้นจริงๆ อยากลอง แต่ไม่มีเวลาขนาดนั้น เลยต้องปล่อยผ่าน

ออกมาก็มีกิจกรรมสอนชงชาด้วย

กลับไปตั้งหลักที่ รร.ก่อน แต่ว่าจะแอบแวะปราสาทเก่าฟุกุโอกะก่อนครับ อยู่แถวนี้

เดินตัดทางนี้

ผังปราสาทเก่าครับ คือตัวปราสาทไม่อยู่แล้ว เหลือแต่ฐานที่เป็นหิน ทางจังหวัดเค้าก็เลยทำเป็นสวนสาธารณะกับสนามกีฬาให้ชาวเมืองได้ใช้กันครับ

สวนในฤดูหนาว ไม่มีใบไม้ก็สวยอีกแบบ ดูเหงาๆดี

สนามรักบี้ครับ (หรืออเมริกันฟุตบอลหว่า)

ซากปรักหักพังเก่า

เดินขึ้นมาได้ครับ ก็สูงอยู่พอควร

ข้างบนก็มีคนขึ้นมาเยอะเหมือนกัน ที่เห็นก็มีคนมาออกกำลังกาย แล้วก็พนักงานบริษัท 2 คนน่าจะมาดูงานที่นี่เลยแวะชมเมือง

ดูวิวยามเช้าๆ

จากนั้นก็กลับโรงแรม จากร้านเมื่อกี้ผมก็ซื้อเจ้าสิ่งนี้ติดกลับมามือด้วย มันคือ ช็อกโกแล็ตสดของทางร้าน!!

กล่องสวยมากแลดูไฮโซ

เค้าคงให้กันวันวาเลนไทน์ แต่ตรูจะกิน แกะเลย

มีนามบัตร มีการ์ดอะไรอีก

ดูไฮโซมากๆ

ขนาดสติ๊กเกอร์ปิดยังดูดี

ผ่างงงงงงงงงง ไวท์ช็อกโกแล็ต อันนี้จะเป็นรสเลมอนครับ เปรี้ยวนิดๆ อร่อยมากกกกกกกกก

ส่วนอีกมุมเป็นดาร์คช็อค คำแรกมาขมนำเลย แล้วค่อยหวานนนน ซาบซึ้งยิ่งนัก

อ้ามมมมมมมมมม

หลังจากเติมพลังจากการโซ้ยอาหารอิตาเลี่ยนไปแล้ว ช่วงนี้ก็ขอไปช้อปปิ้งกันหน่อย ที่ฮาคาตะก็มี Outlet ที่ไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก ชื่อว่า Marinoa City นั่งรถไฟใต้ดินมาสุดสายที่สถานี Meinohama แล้วก็เดินอีกราวๆ 20นาทีครับ (หรือจะนั่ง Taxi ไป ราคาราวๆ 700-800เยนครับ)
ที่สถานี Meinohama ออกมาก็เจอสัญลักษณืของสถานีนี้ (ที่นี่สถานีรถไฟใต้ดินแต่ล่ะแห่งจะมีไอค่อนจุดเด่นของสถานีนั้นๆอยู่ครับ อย่างที่นี่ก็จะเป็นคลื่น)

ผมอาศัยเดินครับ เนื่องจากจะได้รับรู้สภาพแวดล้อมแถวๆนั้น อย่างแถวนี้จะเป็นย่านชุมชน ร้านนี้เป็นร้านขายผักสำหรับคนแถวนี้ ราคาถูกมากๆ

เดินลัดเลาะตามซอยย่านที่อยู่อาศัย

ออกมาที่ซอยเลียบทะเล มีเรือจอดอยู่เยอะมากๆ

ขอบอกว่าตอนนี้หนาวมากๆครับ ปกติอากาศก็หนาวอยู่แล้วมาเจอลมติดชายทะเลอีก สุดๆ

แต่เด็กมัธยมที่นี่ก็ขี่จักรยานโต้ลมกันสนุกเชียว

เดินเลาะตามทางมาก็เจอแล้ว

Outlet ที่นี่ค่อนข้างใหญ่มาก แบ่งออกเป็น 3 อาคาร และยังมาส่วนที่เป็นร้านอาหารและสวนสนุกอีก มาเที่ยวได้ทั้งวันเลยครับ

ที่นี่ติดทะเลเลย

มีร้านดังๆให้เลือกช้อปกันสนุกเลย

อย่างช้อป Coach ที่นี่ตอนเข้าไปเค้าก็ให้คูปองสำหรับวันนี้มาลดเพิ่มอีก 30% จากราคาที่ลดแล้วอีก เช่น สินค้า 100 บาท ลด 50% เหลือ 50 บาท ก็จะลดได้อีก 30% เหลือ 35 บาท และยังลดได้อีก 5% สำหรับนักท่องเที่ยว (แต่ต้องซื้อของ 10,000เยนขึ้นไป) สรุปว่าลดทั้งหมด 66.75% สำหรับวันนี้

ออกมาก็มืดค่ำแล้ว ใกล้ๆนี้มาสถานที่จัดงานแต่งงาน แลดูไฮโซมากๆ

ไปกินมื้อค่ำกันครับ
นั่งรถไฟใต้ดินกลับมาที่สถานี Nakasukawabata ที่จะไปกินนั้น อยู่ที่ตึก Riverain ชั้น 6 เป็นอาคารที่ติดสถานีเลยครับ
ขึ้นไปกันเลย

ชั้นนี้นอกจากร้านอาหารแล้ว ยังมี Art Museum อยู่ที่นี่ด้วยครับ อย่างภาพที่เห็นเป็นเกี้ยวที่ไว้แห่ในเทศกาลอันโด่งดังของฮาคาตะ

ถึงแล้วครับ ร้านที่จะมาคือร้าน Restaurant Hiramatsu Hakata เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสอันดับ 1 ของคิวชูเลยก็ว่าได้ ร้านนี้มีหลายสาขานะครับ ทั้งโตเกียว ซัปโปโร รวมไปถึงที่ปารีสด้วย

นอกจากนี้ยังรับจัดงานแต่งงานด้วย ท่าทางจะแพงมากๆ

เข้าไปภายในร้านเลยดีกว่า ข้างในบรรยากาศไฮโซสุดๆ ที่สำคัญจริงๆร้านนี้ควรจะจองก่อน แต่เนื่องจากมีที่ว่างอยู่เค้าเลยยอมให้เข้าไปครับ (ถือว่าโชคดีมาก)

ล็อบบี้ของร้านอาหารครับ

ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแนวมาเดทกันหรือคุยเรื่องธุรกิจกันครับ แลดูผู้ดีมาๆ ไม่เหมือนผมที่มาจ้องแต่จะกิน

ที่ผมเล็งไว้จะมีคอร์ส Menu Special (ราคา 12,000เยน) กับ Menu Gastronomique (ราคา 18,000เยน) แต่เนื่องจากที่นี่ 1 โต๊ะไม่ว่าจะมากี่คน “ต้องสั่งเมนูเดียวกัน” ถ้าจะเกรียนนั่งแยกโต๊ะ แต่เดี๋ยวจะเสียชื่อเสียงประเทศเราเปล่าๆ ก็เลยสั่งคอร์ส Menu Special 2 ที่ แต่ว่าที่นี่เปลี่ยนเมนูจานเรียกน้ำย่อย กับจานหลักๆได้ โดยเพิ่มเงิน จานล่ะ 2,000 เยน สรุปก็คือจะกลายเป็นคอร์สพิเศษ 16,000เยน โดยปริยาย (เมนูที่เปลี่ยนเค้ากำหนดไว้แล้วครับ ไม่ใช่เปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้)
พร้อมแล้ว

ของกินเล่นมาแล้วครับ เป็นเหมือนชูครีม แต่ไส้ข้างในเป็นชีส หอมอร่อยสุดๆ อยากกินอีก

ขนมปัง

จานแรกมาแล้วครับ แซลมอนมาริเน่ อร่อยมากๆ กินกับวัฟเฟิลกับครีมชี้สเข้ากันมากๆครับ

จานนี้ของผมที่เปลี่ยนครับ ปกติเมนูนี้ถ้าไม่สั่งมาพิเศษ หรือสั่งเมนู Menu Gastronomique ก็ไม่มีในคอร์สไหนเลยครับ เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน กะหล่ำปลียัดไส้ฟัวกรา

ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก กะหล่ำปลีสีดูสด แต่กลับนุ่มมากๆ ฟัวกราข้างในนุ่มแทบละลาย รสชาติเข้มข้นบวกกับความสดใหม่ของกะหล่ำปลีเข้ากันมากๆครับ

แล้วบริกรมีขวดมาให้เลือก 2 ขวด คล้ายๆให้เลือกไวน์ แต่เป็นน้ำแร่เอเวียง กับ ซาน เปลกรีโน จากข้อมูลของ @panotr บอกว่ามันคือที่ความซ่าเกิดจากแร่ธาตุในน้ำตามธรรมชาติ
ปกติก็จะอยู่ใต้ดินลึกใต้ชั้นหินโบราณอะไรประมาณนั้น จะมีรสชาติของแร่ธาตุจางๆ รวมถึงกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ และเชื่อกันว่ามันดีต่อสุขภาพครับ (ตอนแรกผมเข้าใจว่าคือโซดา)
จานซุปมาแล้วครับ อลังการงานสร้างมากๆ เป็นซุปใสเห็ดป่าของท้องถิ่น ตรงกลางเป็นครีมไส้กุ้งโอมาล สุดยอดไปเลยครับ

ตอนแรกลองชิมน้ำซุปปกติก่อน รสอ่อนๆของเห็ดป่า ซดแล้วสดชื่นมากๆ อยากจะซดให้หมดซะตรงนั้น

แต่พอลองกินครีมเข้มไปรสชาตินุ่มนวลมากๆ และตัวครีมนั้นก็ค่อยๆกระจายลงไปในซุปใส เปลี่ยนรสชาติไปอีกแบบนึง ซึ่งอร่อยเข้าไปใหญ่เลย

ข้างในนั้นก็มีกุ้งโอมาลชิ้นบะเร่ออยู่ สุขสุดๆครับ

จานหลักของ Menu Special ครับ เนื้อนกพิราบย่าง ย่างได้ดีมากครับ เนื้อนุ่ม หนังกรอบ อร่อยแท้ๆ

ส่วนจานหลักที่เปลี่ยนมาแล้วววว เนื้อซากะ เนื้อA5 ชื่อดังของคิวชู สวยงามมากกกกกกกกกกกก

การย่างการหั่น ซอสทุกอย่างไม่มีที่ติเลยครับ

รสชาติอร่อยสุดบรรยาย เนื้อนุ่มมากๆ กลิ่นหอมสุดๆ ค่อยๆลิ้มรสไม่อยากให้หมดเลย

ตบท้ายด้วยของหวาน เค้กช็อกโกล่า กับเจลาโต้

เป็นไอศกรีมที่เนื้อเนียนที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยครับ สังเกตสีผิวที่ตักแล้ว เรียบเนียนมากๆ

เค้กก็ไม่ธรรมดา ข้างในก็มีซอสรสส้มอยู่ กินกับเจลาโต้แล้ว ตายไปก็ไม่เสียดายแล้วครับ

จบด้วยชาเอิร์ลเกรย์ อา…..

“ร้าน Restaurant Hirammatsu Hakata”
เปิด: 12:00-14:00 18:00-20:30
เบอร์โทร: 092-263-6231 (ถึงที่พักแล้วให้ทางโรงแรมจองให้ก็ได้ครับ)
เว็บไซต์: http://www.hiramatsu.jp/hakata/
map: http://goo.gl/maps/VWE24 (ตัวร้านอาหารอยู่ชั้น 6)
กินเสร็จก็อยากเดินห้าง แต่เนื่องจากห้างที่นี่ปิดไวมากๆ เลยตัดสินใจนั่ง Taxi โลด
มาที่ห้าง Canal City

มีเวลาเดินห้างอีกราวๆ 30นาที มาที่ร้านโอนิสึกะโลด สาขานี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โชว์พาสปอร์ตลด 10% เจ๋งไปเลย จัดหนัก!!!

ที่นี่มี่ทั้งหมด 3 ตึก ตึกแรกชั้นบนสุด 2 ชั้นจะมีแต่ MUJI ใครชอบก็เต็มที่เลย

แต่ที่ดูดเวลาและเงินไปได้ก็มีที่ร้านนี้ Jump Shop โชคดีที่ร้านนี้ปิดหลังจากร้านอื่นครึ่งชม. เลยมีเวลาซื้อ

มีมุมการ์ตูนเรื่องกินทามะด้วย ชอบมากๆ

ดราก้อนบอล มีขนมถั่วเซียนขายด้วย

โทริโกะ เอาซุปเซนจูรี่มาขายอย่างนี้เลย รสชาติงั้นๆมาก 55555

เมลโร่โคล่า

BB Corn

ขนมเค้กคัสตาร์ด

เครื่องดื่มจากเรื่องสเก็ตดันก็มี

โคล่าของแฟรงกี้ก็มี

หลังจากช็อปจนหนำใจแล้ว ท้องก็เริ่มว่างก็เล็งร้าน Kenzo Cafe จริงๆร้านนี้เคยเป็นร้านแผงลอยมาก่อนจะมาตั้งร้านจริงจัง เป็น 1 ในร้านดังของฮาคาตะเลยครับ

ร้านนี้อยู่ในซอยเล็กๆแต่หาไม่ยาก ทำเลดีทีเดียว

เมนูครับ

เมนูที่เจ้าของร้านวาดเอง

ข้างในแคบมากครับ ของทุกอย่างยัดลงมาหมดได้ไงก็ไม่รู้ ^^”

จัดราเม็งก่อนเลยครับ “เคนโซราเม็ง”(480เยน) ราเม็งร้านนี้อร่อยกว่าร้านโคคินจังครับ

ซุปเข้มข้น แต่ซดคล่องคอ

เส้นเล็กเรียว เหนียวนุ่ม สไตล์ฮาคาตะ

และของเด็ดของร้านนี้ครับ ยากิราเม็งกะทะร้อน เดือดปุดๆๆๆๆมาเลย (700เยน)

จะกินก็ตีไข่ตรงกลาง แล้วก็โซ้ยโลดดด

หมดแรงและเหนื่อยสุดๆเลยครับ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว สู้ๆ

“ร้าน เคนโซคาเฟ่”
เปิด: 11:30-14:30 18:00-24:00 หยุดวันอาทิตย์
map: http://goo.gl/maps/1krAE
—————จบวันที่ 6——————–
อ่านตอนต่อไปได้ตามลิงก์นี้ครับ
ตะลุยกินแหลก!!โตเกียว-คิวชูเหนือ 7วัน 6คืน 36ร้าน 150เมนู ดังของญี่ปุ่น
วันที่7
http://www.dotpng.com/2013/02/tokyo-kyushu-7/