© 2013 Ping. All rights reserved.

โซบะเส้นสด อุด้งทำมือ และเนื้อม้าแห่งคุมาโมโต้ ณ ร้านมุกิฮัง

ร้านนี้เล็งว่าจะมานานแล้วครับ เพราะได้ข่าวว่าเป็นร้านที่มีบาซาชิ หรือซาซิมิเนื้อม้าขาย หลังจากที่ติดอกติดใจรสชาติเนื้อม้าจากคุมาโมโต้มาแล้ว

ร้านนี้มีชื่อว่า มุกิฮัง อยู่สุขุมวิทซอย 39 เข้ามาเรื่อยๆทางซ้ายมือจะมีซอยชื่อว่าซอยพร้อมมิตร (เป็นซอยที่ทะลุออกทองหล่อได้) มาเข้าแล้วสังเกตทางซ้ายมือจะมี อาคารที่ชื่อว่า พร้อมมิตรเพลส ร้านอยู่ที่ชั้น 1 ของตึกนี้ครับ

ร้านนี้ค่อนข้างกว้าง โถงพอสมควรครับ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่น

เมนูที่นี่จะแบ่งเป็น 3 ชุดครับ แยกตามประเภทอาหาร โดยของเด็ดทางร้านแนะนำจะเป็น โซบะเส้นสด และอุด้งทำเอง

และ 1 ในเมนูของร้านนี้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด!! ในนี้จะเป็นเมนูวัตถุดิบเฉพาะครับ จะมีหรือไม่มีแล้วแต่วัน เช่น เนื้อม้า เนื้อวาฬ ปลาอายุ เห็ดมัตสึทาเกะ ฟุกุ(ปลาปั๊กเป้า) ฯลฯ ถ้าอ่านไม่ออกไม่ต้องกลัวครับ ถามพนักงานได้เลยว่าอาหารพิเศษวันนี้มีอะไรบ้าง

เปิดด้วยอาหารประเภทกับแกล้มกินเล่นๆก่อนครับ กระหล่ำปลียัดไส้ (200.-)

ไส้ในเป็นหมูสับปรุงรสรสชาติเข้มข้นอร่อย เข้ากับซุปรสอ่อนๆได้ดีเลยครับ

ต่อด้วยเมนูทั่วๆไปอย่าง ซัมมะ ยากิชิโอะ หรือ ปลาซามะย่างเกลือ (180.-) ปลาตัวโตมากๆ

เมนูนี้เห็นแล้วอยากลองครับ มัตสึ จิราชิซูชิ เป็น จิราชิซูชิแบบพิเศษ (800.-) เครื่องเต็มๆเลย

มีเครื่องหลากหลายชนิดมากครับ ทั้ง มะได จูโทโร่ ซาบะ อิกะ อิคุระ อัดแน่นมาเต็มๆเลย รสชาติใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้เว่อร์มากครับ แต่ถือว่าคุ้มค่าใช้ได้เลย

ต่อด้วยอาหารแนะนำของทางร้าน เอบิเทนเซย์โรโซบะ หรือ โซบะเย็นกับเทมปูระ (320.-) ที่นี่จุดเด่นคือ จะนำเข้าเมล็ดโซบะจากญี่ปุ่นจะโม่แป้งโซบะและนวดแป้งเองวันต่อวันเลย

เส้นสีสันจะเข้มมาก และเห็นลายผงโซบะชัดเจนมากๆ เส้นที่นวดมาก็เหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอมของเมล็ดโซบะอีกด้วยครับ

เครื่องก็มีเนงิ ไชเท้าฝน และวาซาบิเอาไว้ปรุงรสน้ำซอส

มาที่ตัวเทมปูระบ้างครับ หลักๆจะมีกุ้งทอด 2 ตัว เห็ดชิตาเกะ มัน แครอท พริกหยวก ฟักทอง

ที่นี่ทอดเทมปูระออกมาสีเหลืองทองอร่อยดีครับ

ต่อด้วยอีกเมนูแนะนำของร้าน คิสุเทนซารุอุด้ง หรืออุด้งเย็นกับเทมปูระปลาคิสุ (220.-) อุด้งที่นี่จะเป็นอุด้งทำมืออีกเช่นกันครับ พนักงานบอกว่าต้องนวดถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว

แต่ก็สมราคาคุยครับ เส้นอุด้งอร่อยจริงๆ เหนียวนุ่มมากๆ

เครื่องปรุงซอสของอุด้งจะเป็นขิงแทนวาซาบิครับ

ปลาคิสุก็อร่อยครับ แต่เนื่องจากเป็นปลาเล็กเลยมีก้างเล็กๆให้รำคาญใจบ้าง

ต่อด้วยเมนูที่ผมเล็งไว้สำหรับร้านนี้ บาซาชิ หรือซาซิมิเนื้อม้า (600.-)

วิธีกินก็จิ้มโชยุแล้วก็กินกับขิงกระเทียมและหอมใหญ่แล้วแต่ชอบเลยครับ

ผมจะเอาเนื้อบาซาชิจิ้มโชยุก่อน ใส่ขิงกระเทียวและหอมใหญ่ใส่ลงไป แล้วก็ห่อกินเลยครับ

เนื้อม้าที่นี่นำเข้าจากคุมาโมโต้เลยครับ เพราะเจ้าของเป็นคนคิวชู เวลากลับบ้านแต่ล่ะครั้งก็เอาเข้ามาด้วย ดังนั้นรสชาติเลยใกล้ๆกับกินที่คุมาโมโต้ แต่ข้อเสียของที่นี่คือเป็นเมนูที่นานๆมีคนสั่งทีเลยใส่เนื้อในช่องฟรีส พอเวลาลูกค้าสั่งค่อยเอาออกมาแล่ แล้วเนื้อก็จะแข็งติดน้ำแข็ง ดูไม่น่ากินสำหรับเมนูซาซิมิครับ

อีกเมนูที่หากินยาก อาระนาเบะ หรือ หม้อไฟปลาอาระ (500.-)

ปลาอาระก็คือปลาคุเอะครับ แต่สำหรับคนคิวชูจะเรียกว่าปลาอาระ ที่นี่เค้าจะนำเนื้อปลามาทำซาซิมิขายแล้วส่วนเนื้ออื่นๆก็ทำเป็นเมนูนาเบะแยกอีกทีครับ (ปลาปั๊กเป้าก็เช่นกัน)

การต้ม และตักนั้นพนักงานจะทำการทำให้เลยครับ เรามีหน้าที่รอกินเลย

สุกแล้วพนักงานก็ตักใส่ชามเราเลยครับ

จะไม่มีน้ำจิ้มนะครับ วิธีกินคือใส่เครื่องลงในชามเราแล้วราดพอนสึลงไปครับ

ตัวเอกของหม้อไฟครับ ปลาอาระ เนื้อแน่น หวานดี แต่ก็ไม่ถีงกับเว่อร์มาก เหมาะสำหรับคนอยากลองปลาแปลกๆมากกว่า

เต้าหู้ของร้านนี้ก็ทำเองนะครับ และทำขายส่งตาม ซุปเปอร์ระแวกสุขุมวิทด้วย

ตามธรรมเนียมการกินนาเบะของญี่ปุ่น เมื่อกินหมดแล้วน้ำซุปที่เหลือก็จะทำเป็นข้าวต้มครับ ปกติร้านอื่นจะคิดค่าข้าวกับไข่เพิ่ม แต่ที่นี่รวมอยู่ในเซ็ตแล้วครับ (หรือจะสั่งเป็นเส้นอุด้งก็ได้)

น้ำซุปที่ได้จากปลาอาระนั้นอร่อยมากๆ รสชาติเข้มข้น และหอมมากกว่ากินเนื้อปลาอีก

รวมๆร้านนี้ถือว่าประทับใจในเรื่องวัตถุดิบของญี่ปุ่นที่หากินยากในไทย ในราคาที่ไม่แพงมาก แต่รสชาติของอาหารนั้นค่อนข้างพื้นๆไม่โดดเด่นครับ ส่วนโซบะและอุด้งจุดขายของร้านนั้นอร่อยจริงๆ ใครชอบกินโซบะหรืออุด้งก็มาลองกันได้ครับ