© 2013 Ping. All rights reserved.

ตะลุยกิน!โอซาก้า 5วัน 4คืน

จริงๆที่ไปโอซาก้านี่เขียนไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้วครับ แต่เพิ่งได้เอามาลง Blog ^^”
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ เนื่องจากรอบก่อนเพิ่งไปลุยโตเกียวมาหมาดๆ รอบนี้เลยขอลุยฝั่งโอซาก้าบ้างครับ

เครื่องลงสนามบินคันไซราวๆ 7 โมงเช้า เอาของสัมภาระ รวมทั้งโบว์และนิทานทิ้งไว้ที่ล็อบบี้โรงแรม ผมและแอนก็ตะลุยที่ร้านแรก ร้านราเม็ง ไซไซ ร้านนี้เป็นร้านราเม็งที่ได้คะแนนอันดับ 1 จากเว็บอาหารยอดฮิตอย่าง Tabelog.com

มาที่สถานีรถไฟใต้ดิน Showacho เดินมาไม่นานก็ถึงครับ

ร้านเปิด 11โมงครึ่ง แต่ทะลึ่งมาซะ 10โมง ยังไม่มีคนมาต่อคิวเลย

วิธีต่อคิวของร้านนี้ครับ 3 คนแรกนั่งรอที่เก้าอี้ หลังจากนั้นต่อคิวตรงซอยอีกฟากของถนน เพื่อไม่เกะกะร้านเพื่อนบ้านครับ

ไหนๆก็ไหนๆก็ไปเดินเล่นระแวกนั้นฆ่าเวลาซักหน่อย แต่ก็เป็นย่านชุมชนไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ

ก่อนร้านเปิด 1 ชม.ก็กลับมาต่อคิวใหม่ เผลอแป๊บเดียวคนมาต่อคิวเพียบแล้วครับ

11โมงครึ่ง พนักงานก็เรียกเข้าร้านแล้ว

มาดูเมนูกันดีกว่า ไอ้นู่นก็อยากกินไอ้นี่ก็อยาก ของผมตัดสินใจเอาราเม็งแกงกะหรี่ ของแอนเอาราเม็งมิโสะเผ็ด

มาแล้วหน้าตาดีมากๆ คาระมิโสะราเม็ง 800เยน

ส่วนของผมราเม็งแกงกะหรี่ น่ากินสุดๆ 800เยน

อีกซักมุม สำหรับราเม็งทั้ง 2 ชามนี้เส้นจะเป็นแบบใหญ่และหยิก

กินหมดแล้ว เพื่ออรรถรสที่เต็มที่ต้องสั่งข้าวลงมาใส่แบบนี้!!!

เปิดตัวมื้อเช้าได้แน่นท้องสุดๆอีกเช่นเคย สำหร้บร้านนี้ผมว่าราเม็งไม่จี๊ดเท่าร้านอิตโตที่โตเกียว เส้นออกแข็งๆแต่ไม่ได้เหนียวนุ่มมาก ส่วนน้ำซุปรสชาติดีแต่ว่าไม่ได้จี๊ดมาก อาจจะเพราะเป็นราเม็งที่มีรสจัดเลยไม่สามารถวัดอะไรได้มากครับ แถมพอกินเสร็จแล้วเพิ่งสังเกตว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งโชโอะราเม็ง (ราเม็งซุปเกลือ) เลยรู้สึกว่าพลาดอะไรไปรึเปล่า… คราวหน้ามีโอกาสจะมาลองชิโอะราเม็งครับ

หน้าร้านมีแปะ Best Ramen 2012 จาก Tabelog ด้วย

เดินออกมาข้างนอกคนต่อคิวเพียบเลยครับ

ร้าน ไซไซ
วันเวลาเปิดให้บริการ [จันทร์-ศุกร์] 11:30-14:30/18:30-20:00 [เสาร์,วันหยุดนักขตฤกษ์] 11:30-15:00
หยุดวันอาทิตย์
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270203/27059500/dtlmap/

จากร้านราเม็งเดินมาราวๆ 20นาที หรือนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Tennoji  ตรงนี้มีร้านทาโกะยากิแนะนำ 1 ร้าน นั่นคือร้าน ยามะจัง

ที่ร้านนี้คนขายถามว่ามาจากที่ไหน พอบอกว่าประเทศไทย ป้าแกก็ตั้งท่ามวยไทย พร้อมบอกว่า “คิ๊กบ็อกซิ่ง!!” (อีกมุมนึงของสายตาคนต่างชาติ)

ที่ร้านนี้มีทาโกะยากิแปลกๆอยู่ และขายดีที่สุดในบรรดาทาโกะยากิในร้านด้วย นั่นก็คือ ทาโกะยากิแบบไม่ใส่ซอสอะไรเลย!!??

ตัวทาโกะยากิจะออกนิ่มๆ รสชาติปลาหมึกออกมาถึงตัวแป้งเลยครับ (กลิ่นประมาณขนมคาราด้าบ้านเราเลย)

ร้านยามะจัง
วันเวลาเปิดให้บริการ [จันทร์-เสาร์]11:00-23:00 [อาทิตย์, วันหยุดนักขตฤกษ์] 11:00-22:00
หยุดวันพฤหัสที่ 3 ของเดือน
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270203/27002750/dtlmap/

มาแถวๆนัมบะบ้างครับ แหล่งช้อปปิ้งที่โอซาก้า

มาต่อด้วยร้านทาโกะอีกร้านนึง ร้านนี้เป็นร้านดังในย่าน เซนจิมาเอะ ร้าน ทาโกะยากิ โดราคุ วะนะกะ

สั่งทาโกะยากิเพิ่มชีส 6ลูก

ทาโกะเป็นทาโกะ ชิ้นเบิ้มๆ

เจาะดูข้างในบ้าง

เนงิก็อร่อย ไม่เหม็นเขียวเลย

เดินไปกินไปชิลๆ

ร้านทาโกะยากิ โดราคุ วะนะกะ
วันเวลาเปิดให้บริการ  [วันธรรมดา]10:00~23:30【เสาร์, อาทิตย์, วันหยุดนักขตฤกษ์】9:00-23:30
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270202/27002320/dtlmap/

เตรียมตัวลุยถนนคนเดินที่คึกคักที่สุดของโอซาก้า ชินไซบาชิ!!!

ป้ายโฆษณากุลิโกะอันลือลั่น

ร้านปูที่ตัดไปถนนคนเดิน โดทนบุริ

มาถึงร้านชี้สทาร์ตชื่อดังที่สุด จนล่าสุดก็มีเปิดสาขาเพิ่มที่โตเกียวแล้ว ร้าน Pablo

คนต่อคิวยาวมากๆ ติดอันดับร้านที่ต้องต่อคิวของญี่ปุ่น จากรายการ ตำนานสีทอง หรือชื่อไทยว่า โกโกริโกะ เกมกึ๋ย

มีให้ดูด้วยว่าออกรายการจริงๆนะ

เมนูหลักๆของ ชี้สทาร์ตมีให้เลือก แบบแรร์ และแบบมีเดี้ยม (ถ้าแรร์จะเยิ้มๆเป็นพุดดิ้งเลย)

ระหว่างต่อคิวก็ทำกันให้ดูกันสดๆ เพลินๆเลย

ถึงคิวจะยาว แต่ว่าแถวขยับไวมากครับ เพราะสินค้าจะทำตลอดเวลา มีจำหน่ายตลอด ไม่ต้องรอทำ

นอกจากทาร์ตแล้วก็มีขนมอื่นๆให้เลือกซื้อกลับบ้านได้

มาถึงคิวซักที ในตู้ก็มีให้ลือกตัดสินใจอีกทีด้วย เอาอะไรดีนะ สรุปว่าเอาแบบมีเดี้ยมแล้วกัน

ชี้สทาร์ตชิ้นนึงใหญ่มากครับ แถมราคาไม่แพงด้วย ชิ้นล่ะ 780 เยนเท่านั้น

สั่งปุ๊บก็ได้ของปั๊บเลย สินค้ารอจำหน่ายมีรออยู่เพียบ!!!

หลังจากเดินเล่นได้ซักพัก ก็ต้องขอกลับ โรงแรมไปตั้งตัวก่อน พลังงานเริ่มหมด

มากินชี้สทาร์ตกันก่อนดีกว่า

ผ่างงงงงงง

เนื้อชี้สหยุ่นๆคล้ายๆพุดดิ้ง อร่อยสุดๆ

กินแล้วเคลิ้มไปตามสภาพทาร์ตเลย

ร้าน Pablo
วันเวลาให้บริการ [เปิดทุกวัน] 10:00-23:00
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270201/27066967/dtlmap/

ถึงตอนนี้ต่างกันก็หมดสภาพกันแล้ว เลยหาอะไรง่ายๆแถวที่พักกินกันแล้วกัน เลยได้ 3 จานนี้มาครับ
ข้าวหน้า เนงิโทโร่ ของข้าพเจ้า

ข้าวหน้าหมูทอด ของโบว์

และอุด้งแกงกะหรี่ของแอน (โบว์บอกแอนชอบแกงกะหรี่)

วันที่ 2 ตอนเช้าๆหาร้านอาหารเด็ดๆค่อนข้างยากครับ เพราะอาหารเช้าทั่วๆไปไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นมากอยู่แล้ว ลองหาข้อมูลดูติดใจร้านอาหารเช้าร้านนี้ครับ Coffee Marufuku แถมไม่ไกลจากที่พักมากด้วย

ร้านค่อนข้างดูเก่าแก่ จัดแบบตะวันตกดูขลังมาก

ภายในร้านครับ

สั่งโยเกิร์ตมาให้นิทาน แต่นิทานหลับ พ่อนิทานเลยโซ้ย

พุดดิ้งสตอเบอรี่เค้าแถมมาให้ อร่อยมากแย่งกันเลียถ้วยเลย

ชี้สโทสต์ อันนี้อร่อยมากๆ ใส่ชี้สเยอะมาก หอมสุดๆ

ของขึ้นชื่อของร้านนี้เลย

แซนวิซรวม ข้างในเป็นแฮมกับไข่ อร่อยดี

บรรยากาศก็ดี อาหารก็ใช้ได้ครับ เหมาะกับมานั่งชิลๆตอนเช้า

มื้อเช้านี้ค่าเสียหาย 2960 เยนครับ

ร้านมารุฟุคุโคฮีเทน
วันเวลาเปิดให้บริการ [ทุกวัน] 8:00-23:00
วันหยุด ช่วงปีใหม่
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270202/27001450/dtlmap/

กินอาหารเช้าเสร็จวันนี้ไปเที่ยวสลิ่มที่ปราสาทโอซาก้า

ที่ด้านหน้าเจอกองทัพเด็กประถม น่ารักมากๆ

ทางเข้าปราสาท

เห็นตัวปราสาทแล้ว

ถึงแล้ว!!

ด้านในก็จะเน้นเป็นพิพิธภัณฑ์เรื่องราวต่างๆของตัวปราสาทครับ

ขากลับแวะซื้อซอฟท์ครีมซักนิด

มาที่โอซาก้า นอกจากทาโกะยากิแล้ว ที่ขึ้นชื่ออีกอย่างก็คือ โอโคโนมิยากิ และร้านนี้ก็เป็นอีกร้านดังของที่นี่ เนงิยากิ ยามาโมโต้

ร้านนี้อยู่ใกล้ๆสถานีอุเมดะซึ่งเป็นใจกลางของโอซาก้าเลยครับ

ป้ายร้าน และเมนูร้าน

ภายในร้าน

ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงอาหารกลางวันคนเลยไม่เยอะมาก จะมีลูกค้ามานั่งกินพร้อมอ่านหนังสืออยู่ปะปราย

เมนูครับ

จิงเจอร์เอล (ชอบเป็นการส่วนตัว)

มาแล้วจานแรก โฮตาเตะเทปันยากิ (1000เยน) หอยสดมากๆ เนื้อแน่นกรุบกรอบ อร่อยสุดๆ

ยากิโซบะห่อไข่ (800เยน)

แหวกกันให้เห็นเลย

อันนี้ก็อร่อยครับ รสชาติซอสกลมกล่อมเอามากๆ

พระเอกมาถึงแล้ว เนงิยากิ ไฮเดอลุกซ์ (1750เยน)

เนงิยากินี้เป็นเมนูเฉพาะของที่นี่ครับ คือจะใช้ต้นหอมญี่ปุ่น แทนกะหล่ำปลี ซึ่งต้นหอมญี่ปุ่นที่ร้านนี้เอามาใช้จะมีรสหวาน ไม่เผ็ด ไม่เหม็นเขียวเลยครับ

ที่สั่งแบบไฮเดอลุกซ์ก็คือใส่ทุกอย่างที่เค้าแนะนำเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อ เอ็นตุ๋น หมู ปลาหมึก ซึ่งแต่ล่ะอย่างก็จะมีรสสัมผัสตอนเคี้ยวที่ต่างกัน อร่อยมากครับ

ร้านยามาโมโต้ (สาขาอุเมดะอีสต์)
วันเวลาเปิดให้บริการ [เปิดทุกวัน] 11:30-22:00
หยุดทุกวันพุธที่ 2 ของเดือน
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2701/A270101/27003858/dtlmap/

เดินต่อจากร้านโอโคโนมิยากิมาที่สถานีอุเมดะ เข้ามาดูอลังมาก

ใกล้ๆนี้มีร้านทาโกะยากิที่อยากแนะนำให้ลองกันครับ ชื่อว่าร้าน ฮานะดาโกะ เมื่อสมัย 5 ปีก่อนที่เคยมารอบที่แล้ว ก็ติดใจร้านนี้ล่ะ

ร้านจะเป็นเคาเตอร์เล็กๆในซอกแบบนี้ครับ แต่อยู่ปากซอยเลยสังเกตง่าย

ข้างๆจะมีป้ายเมนู และราคาแปะอยู่

มาทุกครั้งก็สั่งทุกครั้งกับ เนงิมาโย ก็คือกระหน่ำใส่ต้นหอมญี่ปุ่น แล้วราดมายองเนสครับ (10ลูก 680เยน)

ใส่ต้นหอมญี่ปุ่นมาเยอะมากๆ ชอบสุดๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวเลย หวานกรอบอร่อย

ทาโกะลูกใหญ่เบิ้ม

แหวกดูด้านในมีหนวดหมึกชิ้นโตอยู่

หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวห้างระแวกนั้น มีทุกแบบให้เลือกซื้อเพียบ

ร้านฮานะดาโกะ
เปิดบริการทุกวัน 10:00-23:00
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2701/A270101/27012248/dtlmap/

มาแล้วครับ ไคลแมกซ์ของทริปนี้ หลังจากที่พาแอนกับโบว์และนิทานทิ้งให้ไปกินซูชิกากๆที่ซื้อที่ซุปเปอร์แถวโรงแรมตอนลดราคาใกล้ปิด ข้าพเจ้าก็บึ่งมากิน สุดยอดซูชิที่ได้เรทติ้งดีเป็นอันดับ 1 แห่งเว็บ tabelog.com ร้านซาเอกิ

ร้านนี้มีปัญหานิดหน่อยก่อนมากิน ตอนแรกโทรจองไว้ก่อนมาล่วงหน้า 1 เดือน แต่คืนวันที่จอง ทางร้านโทรมาที่ รร.มาถามว่า ลูกค้าคุยภาษาญี่ปุ่นได้มั้ย เพราะทางร้านไม่สามารถบริการให้กับลูกค้าที่คุยภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เนื่องจากอาหารแต่ล่ะอย่างจะต้องอธิบายวิธีการกิน

และทางผมก็ไม่มีเบอร์ติดต่อโดยตรงด้วย ทำให้ทางร้านลำบากในการจองให้ (กลัวเราไม่ไป) ดังนั้นเป็นไปได้ให้ลูกค้ามาก่อนเวลา

มาถึงตึกตอนแรกงงมากครับ หาไม่เจอ สรุปว่าอยู่หน้าสุดเลย แต่ไม่มีป้ายร้านข้างนอก

ชามาเสิรฟแล้ว

ออเดิร์ฟแรกมาแล้ว หอยสึบุ เนื้อหอยกรุบกรอบมากๆ แถมไม่มีกลิ่นเหม็นด้วย อร่อยสุดๆ ผักและมะเขือที่มาด้วยก็อร่อยครับ

หอยก็กินกับซอยถ้วยนี้ครับ ซึ่งทำมาจทกเครื่องใน เข้มข้นอร่อย เข้ากันสุดๆ

จากนั้นเชฟก็เอาปลามาให้ดู 2 ตัว ว่าต่อไปนี้จะเสิร์ฟปลาเนื้อขาว 2 ชนิดนี้นะ ได้แก่ปลา คิฮาตะ(บน)และไอนาเมะ(ล่าง)

ได้มาเป็น 2 ชิ้นนี้ครับ ซึ่งแต่ล่ะชิ้นจะหั่นครึ่งไว้แล้วครึ่งนึงทาวาซาบิแล้วจิ้มโชยุ อีกชิ้นให้จิ้มกับตับปลาและปอนสึครับ

คิฮาตะ เนื้อใสสวยมากครับ หั่นได้ดีมากๆ ปลาเนื้อแน่น นุ่มมากๆ

ไอนาเมะ รสชาติใกล้ๆกับคิฮาตะครับ แต่รสสัมผัสจะต่างกันเล็กน้อย

ตับปลาและน้ำจิ้มปอนสึ

ก่อนจานต่อไป เชฟก็เอาปูตัวนี้มาโชว์ และพูดประมาณว่า เราจะทำการนำปูนี้มาย่างแล้วทำจานต่อไปให้ท่านกิน

หลังจากที่เค้าย่างขาปูแล้ว ตรงเนื้อที่ตัวก็ทำการยีและหมักกับมันปู แล้วจัดลงใส่ถ้วย ส่วนขาปูก็เอามาลงหม้อร้อนที่เห็นในรูปครับ ซึ่งจะใช้ความร้อนที่เหลืออยู่ในหม้อที่เดือดปุดๆมาปรุงครับผม

ได้ออกมาเป็นจานนี้ น้ำซุปจะเหนียวๆ มีรสหวานจากหัวหอม

เนื้อตรงตัวที่ยีกับมันปูนี่อร่อยสุดๆเลยครับ รสชาติเข้มข้นมากๆ

จานต่อไป เป็นปลาซาวาระรมควัน จะมี 2 ชิ้นนะครับ 1 ชิ้นจะทาวาซาบิแล้วจิ้มโชยุกิน อีก 1 ชิ้นจะกินกับเครื่องเคียงข้างๆ ซึ่งจะเป็นแตงกวาสับกับมันออกเหนียวๆ ท้อปปิ้งด้วยซากุระรมควัน ชอบเมนูนี้มากๆครับ หอมสุดๆ กลิ่นปลาซาวะระเข้ากับกลิ่นหอมของซากุระรมควันมากๆครับ

จานต่อมากุ้งอิเสะย่าง ซอสที่ใช้ก็ปรุงมาจากมันกุ้งครับ ไม่มีทางไม่อร่อยอยู่แล้ว!!

จากนั้นก็มีสาหร่ายดองมาให้กินล้างปากกันเล็กน้อย

มาเป็นถ้วยๆครับ ของจริงถ้วยจะเล็กๆ

ข้างในเป็นข้าวหน้าหอยเม่นจากฮาโกดาเตะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องหอยเม่น ชามนี้ผมว่าเฉยๆนะครับ พอกินหอยเม่นกับข้าวแล้วมีรสขมๆออกมา (แต่กินหอยเม่นเปล่าๆแล้วหวาน)

ต่อมาเชฟก็เริ่มทำซุปครับ

ซุปใส ปลาอานาโกะ อันนี้ก่อนเสิร์ฟมีสะบัดน้ำบนฝาด้วย อารมณ์คล้ายๆน้ำมนต์เลย

ซุปหอมมากๆครับ เนื้อปลาก็นุ่มฟูอร่อย

มาถึงส่วนของซูชิกันแล้ว เริ่มเสิร์ฟขิงดอง และผักดองแล้ว (ผักดองอร่อยมากๆ)

เริ่มต้นด้วย อากามิสึเกะ และ โทโร่

ปรุงรสมาแล้วกินได้เลย เนื้อแดงนุ่มมากครับ หวานอร่อย

โทโร่ก็แจ่ม ไม่เลี่ยน ละลายในปาก

ต่อด้วยโคฮาดะ เข้มข้นอร่อย

ต่อด้วย อิกะ ปรุงรสด้วยเกลือ ปลาหมึกเนื้อนุ่ม เกลือก็ดึงความหวานของปลาหมึกออกมา รสกลมกล่อมมากๆครับ

ต่อด้วยปลาอาจิ อันนี้ชอบมากครับ ปรุงด้วยกระเทียมได้พอดีมากๆ ปลาเนื้อแน่นหวานอร่อย

ต่อด้วยหอยปีกนกสด (นามะโทริไก) อันนี้เป็นทำเนียมที่เชฟจะตบตรงหางให้มันขยับห่อมาตรงกลางสวยงาม หอยสดมากครับ เนื้อกรุบๆหวานอร่อย

ต่อด้วยปลาคาเร เนื้อใสจนเห็นด้านในเลย ปลาเนื้อแน่น เนื้อนุ่มกัดแล้วเนื้อเด้งเลยครับ

อันนี้เมนูคั่น เป็นขอบของหอยปีกนก อันนี้เอามานึ่งให้กินครับ แปลกดี แต่ก็อร่อย

อานาโกะ อร่อยสุดๆครับ นุ่มฟู กินแล้วละลายหายไปในปากเลย

ตบท้ายด้วย โทโร่มากิ นุ่มหวานสุดๆ ฟินมากๆ

อันนี้จิ้มโชยุสูตรพิเศษของทางร้าน

แต่ผมก็ยังไม่พอใจ ขอปลาซาวาระมาเป็นซูชิซักคำ ติดใจในกลิ่นหอมเมนูนี้

ปิดท้ายด้วยของหวาน คือมะเขือเทศ (น่าจะเป็นมินิโทเมโท จากฮอกไกโด) จะบอกว่าตกใจมากๆครับ มะเขือเทศลูกนี้หวานมากกกกกกกกกกกกกก ไม่มีความเปรี้ยวเลย ไม่นึกว่าจะเป็นมะเขือเทศด้วยซ้ำครับ

ผมขอเบิ้ล 2 ลูกเลย

จบมื้อนี้ด้วยราคา 18900 เยน ถูกกว่าที่โตเกียวหน่อยนึงครับ

ตอนกลับเชฟก็ออกมาส่งหน้าร้าน เค้าก็ขอโทษขอโพยเรื่องที่ตอนแรกจะไม่รับเราเป็นลูกค้าเพราะกลัวสื่อสารไม่ได้

ร้านซูชิซาเอกิ
วันเวลาเปิดให้บริการ [จันทร์-ศุกร์]18:00-ตี2:00 [เสาร์]18:00-23:00
หยุดวันอาทิตย์
ร้านนี้ต้องจองล่วงหน้าครับ และต้องมีคนสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ไปด้วย เบอร์ร้าน 06-6345-7344
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2701/A270101/27013940/dtlmap/
วันที่ 3

วันนี้ตื่นแต่เช้าตรู่มีแผนจะไปเที่ยวเกียวโตกันครับ

ออกจากสถานีนัมบะราวๆ 6 โมงถึงสถานีฟูจิอินาริราวๆ 7 โมง

ตอนเช้าๆอากาศดีมากครับ

ที่แรกที่จะมาคือศาลเจ้าอินาริ ที่มีตำนานของหมาจิ้งจอก (เจอในการ์ตูนญี่ปุ่นบ่อยๆ)

ประตูทางเข้าครับ

เข้ามาด้านในจะเจอตำหนักนี้ก่อน

ที่นี่จะมีขายตัวประตูแบบนี้ให้เขียนขอพรได้ครับ อันนี้ไปเจอมาพอดี

ในตำหนักมีนักบวชกำลังทำพิธีอยู่ ในฟิลในการ์ตูนมากๆ

เข้ามาด้านหลังก็จะเจอของขึ้นชื่อที่นี่ครับ เป็นการนำเสาประตูมาต่อๆๆๆกันเป็นทาง ยาวๆ จนไปถึงภูเขาด้านบน

มีทั้งแบบเสาใหญ่ๆ

และเสาเล็กๆถี่ๆ

และถ้าหันกลับมาจะมีสลักที่ตัวเสาด้วย สวยมากๆ

ไปต่อก็สลับขนาดใหญ่เล็กกันไป ผมเดินมาแค่นี้ก็ไม่ได้ไปต่อแล้วครับ รีบทำเวลาไปที่ต่อไป

ระหว่างทางมีที่ตักน้ำล้างมือเพื่อเป็นศิริมงคลด้วย

ตอนกลับเริ่มมีฝูงชนและเด็กๆมาทัศนศึกษาแล้ว

มาต่อวัดที่ 2 วัดนี้เป็นอีกที่โด่งดังมากๆ และเห็นบ่อยๆในการ์ตูนญี่ปุ่น (สารภาพตามตรงว่า มาเที่ยวตามรอยการ์ตูนจริงๆ)

นั่นก็คือที่ Kiyomizu-dera

ทางเข้าก็จะมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย

มีทางไปต่อออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้ไปครับ

นักเรียนมาทัศนศึกษากันเพียบเลยครับ

ทางเข้าวัดครับ นักท่องเที่ยวก็เพียบ

อีกด้านครับ

นี่ก็คือตัววัดที่ว่า ถ้าอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นบ่อยๆน่าจะคุ้นตากันบ้าง

อีกมุมด้านข้างครับ

มุมจากวัดมองออกมา

เอาล่ะเข้าเรื่องของกินต่อครับ ได้เวลาอาหารแล้ว

ร้านที่จะแนะนำเป็นอย่างมากถ้าหากได้มาที่เกียวโต นั่นก็คือร้าน อุด้ง ยามาโมโต้เมนโซว เป็นร้านสุดยอดอุด้งในแถบคันไซนี้เลยครับ

ร้านเปิด 11 โมง ผมมาตอนราวๆ 10.30 ก็มีคนเริ่มมต่อคิวกันแล้ว

แล้วจังหวะพอดี มีรายการมาถ่ายทำที่ร้านนี้ด้วย ข้าพเจ้าและแอนก็ได้เป็นเซเลปตัวแทนจากประเทศไทยให้สัมภาษณ์กับทาง TV ด้วย

ร้านเปิดก็ได้เป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาก่อน คนที่มาทีหลังก็ต้องรอต่อไป แต่ทว่า…..

บอกตรงๆกดดันมากครับ กดดันจากเก้าอี้ที่คนรอทางด้านข้าง ที่จะดูเราซูดเส้นอุด้งโชว์อย่างอร่อย

และกดดันจากสายตาคนที่รอข้างนอกส่องมาข้างในว่าพวกแกกินอะไรกัน เป็นระยะๆ

มีเครื่องปรุงให้ใส่ แต่ล่ะอย่างจะมีรสจัดจ้านแปลกๆครับ

ตะเกียบพร้อม

รอซักพักอาหารที่สั่งตั้งแต่ตอนต่อคิวก็ได้แล้ว

เริ่มจากของแอน อุด้งเทมปูระไก่ (แบบซุปร้อน)

แยกอุด้งและเครื่องออกมาเลย

ส่วนของผมกับโบว์ก็เป็นอุด้งเทมปูระไก่แบบเย็น จัดมาคนล่ะชุด

ด้วยความโลภและหิว ทะลึ่งสั่ง อุด้งกับมันโทโรโระอีกชาม ซึ่งพออาหารมารู้สึกว่าพลาดมากเพราะ 1 ชุดมันเยอะสุดๆๆๆๆๆๆ

มันโทโรโระ

น้ำซุปอุด้งครับเวลากินก็ผสมกับมันโทโรโระแล้วคีบอุด้งกินกันเลย

รสชาติของอุด้งต้องบอกว่าอร่อยสุดๆครับ เส้นเหนียวนุ่ม เด้งสู้ฟันสุดๆ การ์ตูนอาหารที่ออกมาเว่อร์ยังไงก็อย่างงั้นเลยครับ น้ำซุปก็อร่อย รสชาติกลมกล่อมพอดี

นอกจากนี้ก็สั่งเมนูเพิ่มอีก

เทมปูระผัก ผักสดหวานมากๆ

และโกโบทอด อันนี้จะจิ้มกับผงกะหรี่ครับ

ร้านนี้ประทับใจทั้งรสชาติ และการบริการของร้าน ถึงจะเป็นร้านดังคนต่อคิวเยอะ แต่ก็ใส่ใจกับลูกค้าทุกคนครับ เสียอย่างเดียว ไม่น่าสั่งอาหารมาเยอะเกิน สำหรับที่นี่ไม่กินจุจริงๆอย่าเบิ้ล 2 ครับ

และตอนออกมาจากร้านต้องตกใจกับคิวที่มาต่อ มีทั้งคนในพื้นที่และนักเรียนที่มาทัศนศึกษาที่อาจารย์พามาเลี้ยง

ภาพถ่ายจากอีกฟากถนนครับ

ร้านอุด้ง ยามาโมโต้เมนโซว
วันเวลาเปิดให้บริการ [จันทร์, อังคาร, ศุกร์-อาทิตย์] 11:00-19:45  [พุธ] 11:00-14:30
หยุดวันพฤหัส และ พุธที่ 4 ของเดือน
แผนที่ http://tabelog.com/kyoto/A2603/A260301/26002504/dtlmap/

จากนั้นก็ต่ออีกวัด นั่นก็คือวัดทอง Kinkaku อันเลื่องชื่อ

ใบไม้งามมากๆใน 1 ต้นมีหลายสี

สวนบริเวณรอบๆครับ

รอบๆก็มีหินที่มีรูปพระพุทธรูปอยู่ และมีการวางขันให้คนโยนเหรียญลงไปด้วย

มีอาจารย์โยนโชว์นักเรียนทีเดียวลง นักเรียนเฮลั่น หล่อไปเลย

จากนั้นก็กลับมาที่โอซาก้ามาจัดมื่อเย็นกันที่นี่

มาที่ร้าน โยะทาโร่ ฮอนเทน เป็นร้านที่เน้นเทมปูระเป็นหลักครับ

ชาอูหลง (ร้านอาหาร ชาอูหลงกับเหล้าเบียร์ราคาเท่ากันเลย ให้ตายสิ)

เกลือ เอามาจิ้มกับเทมปูระกินครับ

คือเข้ามาไม่ต้องสั่งอะไรนะครับเค้าจะจัดชุดมาให้เราเลย ว่าจะทอดอะไรให้เรากิน

ชุดแรกมาแล้วครับ

เนงิทอด หวานกรุบกรอบ

มันทอด มันหวานเอามากๆเลยครับ

พระเอกของเซ็ตนี้คือกุ้งครับ กุ้งเนื้อแน่น สด เนื้อหวาน

เซ็ตแรกหมดต่อด้วยเซ็ตที่ 2

เห็ดทอดครับ กรุบๆ

อันนี้ตอนแรกงงๆว่าเป็นอะไร

มันคือหอยนางรมครับ ข้างนอกกรุบกรอบข้างในก็สด

หัวหอมครับ หวานสุดๆ

สุดท้ายปลาคิสุ ปลาสด เนื้อแน่น

จริงๆนอกจากนี้ก็มีที่ไม่ได้เจาะมาอีก เช่น ข้าวโพด มะระ และผักอื่นๆอีกครับ

ตบท้ายคอสด้วย ข้าวอบปลาไทครับ (อันนี้โบว์ชอบมาก)

ตอนกินเค้าจะแกะเนื้อปลามาคลุกกับข้าวให้เรากินครับ

ผักดองเอามากินแกล้ม

ซุปใสหอมมากๆ

ค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ครับ (ราคาสำหรับ 3 ที่)

ร้านโยะทาโระ ฮอนเทน
วันเวลาเปิดให้บริการ [จันทร์-เสาร์] 11:30-14:00/17:00-21:00
หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขตฤกษ์
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2701/A270102/27000109/dtlmap/

ปิดท้ายวันที่ 3 ด้วยการเดินเล่นที่ถนน Dotonburi ในตอนกลางคืนครับ ในตอนกลางคืนได้บรรยากาศกว่าตอนกลางวันเยอะเลย

ป้ายกูลิโกะอันเลื่องชื่อในตอนกลางคืน

เบียร์อาซาฮี

บรรยากาศที่ถนน Dotonburi

ป้ายกูลิโกะที่นั่งท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปด้วย

อีก 1 สัญลักษณ์หลักของโอซาก้า

ก่อนกลับกินทาโกะข้างทางอีกซักร้าน

อันนี้เป็นแบบใส่น้ำจิ้มปอนสึกับหัวไชเท้าครับ แปลกดี แต่กินแบบซอสปกติกว่า ฮ่าๆ

วันที่ 4

เริ่มต้นวันด้วยร้านคาเฟ่อาหารเช้าร้านนี้ครับ คาเฟ่บาซาร่า

ร้านนี้เป็นร้านอาหารเช้าที่ได้คะแนนสูงเป็นอันดับต้นๆของ tabelog.com เลยทีเดียว

เข้ามาตกแต่งได้สวยงาม ดูชิวมากๆ

ร้านนี้จะมีตัวกระต่ายและกบเป็นตีมของร้าน ร้านสาขานี้เป็นสาขากบครับ

เมนูก็น่ารัก

เมนูก็เขียนมือเอา (แต่เมนูที่ใช้งานคือก้อปปี้สีมาอีกทีนะครับ)

มาล่ะอาหารเช้า อันนี้ของผม แซนวิซหมูทอดแกงกะหรี่ เมนูนี้ได้ลงแนะนำในหนังสือเกี่ยวกับร้านขนมปังด้วย ไม่ใช่เล่นๆ

ใส่ผักและหมูมาเต็มที่เลย

เนื้อหมูจะใช้หมูสไลด์มาประกบกันครับ ทำให้เนื้อนุ่มขึ้นในราคาที่ไม่แพง ซอสแกงกะหรี่ก็อร่อย เข้ากับขนมปังปิ้งสุดๆ

เมนูต่อมาของโบว์ ออมไรซ์ราดชี้ส

แด่สำหรับคนชอบความเข้มข้นของชี้สเลย

ข้างในเป็นข้าวผัดไก่ซอสมะเขือเทศครับ

ส่วนอันนี้ของแอน เป็นเมนูขายดีของร้าน ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด  ร้านนี้เข้ามากลิ่นแกงกะหรี่ก็หอมแตะจมูกแล้ว

รสชาติแกงที่นี่จะไม่เผ็ดมาก รสออกหวานเข้มข้นครับ

หน้าเคาเตอร์ของร้าน

ต่อของหวานหน่อยดีกว่า คาใจกับรูปนี้ตอนดูเมนูครั้งแรก เมนูกรีนพาเฟ่ วาดมาเป็นรูปเลย

ที่ชอบอีกอย่างคือรสชาติไอศครีมก็พรีเซนต์ออกมาเป็นรูปวาด

รูปวาดก็ว่าน่ารักแล้ว ของจริงก็น่าอร่อยไม่แพ้รูปเลย รสชาติก็อร่อย ได้กินขนมหวานของญี่ปุ่นหลากหลายในถ้วยเดียว

เครื่องดื่มครับ ทางร้านจะถามว่าให้เสริฟหลังอาหารหรือเอามาพร้อมกันเลย เราก็สั่งจัดมาพร้อมกันไปเลยครับไม่ต้องเสียเวลา

ชาเลมอนร้อน

ชานม

กาแฟลาเต้

ตบท้ายด้วยกิมมิคน่ารักๆ ไฟบริเวณห้องน้ำก็เป็นรูปกระต่ายตำโมจิที่ดวงจันทร์

ร้านคาเฟ่บาซาร่า (สาขากบ)
วันเวลาเปิดให้บริการ [ทุกวัน] 7:30-22:00
บริการอาหารเช้า 7:30-10:30
อาหารกลางวัน 11:00-15:00
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270201/27003907

หลังจากไปกินอาหารเช้าแล้วก็ต่ออาหารเที่ยงต่อเนื่องกันไปเลย

ตั้งใจมาที่ร้านแกงกะหรี่ คาชิมีล ร้านนี้พิเศษนิดนึงตรงที่ ร้านจะเริ่มเปิดราวๆเที่ยง แต่จะไม่แน่นอนว่าว่าจะเปิดกี่โมง บ้างก็เที่ยง บ้างก็บ่าย บางวันก็บ่าย 2 แล้วแต่เจ้าของร้าน

ผมมาถึงตอนเที่ยงเป๊ะ เจอป้ายบอกว่า ร้านเปิดบ่ายโมงนะจ๊ะ

ไม่เป็นไรครับผมมีแผนสำรอง จากร้านคาชิมีลเดินมา 10 นาที มีร้านชายของทอดที่อร่อยๆ กินรอร้านแกงกะหรี่เปิดแล้วกัน 555

ร้านโกะโจวยะ กลางวันจะขายเป็นเซ็ตอาหารกลางวันครับ ส่วนกลางคืนจะขายพวกของเสียบไม้ทอด (คุชิอาเกะ-คุชิคัตสึ)

ทางเข้าครับ

อุปกรณ์พร้อม

เมนูครับ

มาเที่ยงไม่มีพวกของเสียบไม้ขายนะครับ ต้องจัดเป็นเซ็ตเลย

ผมจัดเซ็ต C ได้แก่สันในหมูกับกุ้งทอด (700เยน)

กุ้งเนื้อแน่นมากๆ สีสันสวยงาม

สันในก็ไม่มันเกินไปครับ เนื้อนุ่มๆ

ร้านโกะโจวยะ
วันเวลาเปิดให้บริการ [จันทร์-เสาร์]11:30-13:30(ขายเซ็ตอาหารกลางวัน)/17:30-23:00(ขายคุชิอาเกะ)
ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2701/A270104/27011721/dtlmap/

หลังจากินเสร็จแล้วก็มาถึงที่ร้านคาชิมีล บ่ายโมงร้านเปิดพอดี แต่ทว่า…..คนมารอเพียบเลย

แต่ว่าโชคดีที่ได้มาเป็นกรุ๊ปแรกที่เข้ามาได้นั่งครับ

ของดองมี 3 แบบให้เลือกตามชอบเลย และของดองนี้เจ้าของจะดองเองครับ รสชาติผักสดใหม่มากๆ

ร้านนี้จะมีเจ้าของร้านทำทุกอย่างคนเดียวครับ คือทั้งร้านจะมีที่นั่งทั้งหมด 9ที่ เจ้าของร้านจะรับออเดอร์ทำทีล่ะ 3 จาน แล้วเสิร์ฟทีล่ะ 3 คน แต่ล่ะจานจะทำใหม่ตลอดครับ ไม่ใช่ทำแกงทิ้งไว้แล้วเอามาราดๆจบ

เมนูครับ แต่ล่ะเมนูจะปรุงไม่เหมือนกัน เมนูหลักๆจะมี 2 อย่างคือ โฮเรนโซ+ชี้ส พูดง่ายๆคือ แกงกะหรี่ใส่ผักโขม + ชี้ส หน้าตาออกมาจะเป็นสีเขียวๆ อีกแบบคือแกงกะหรี่มิกซ์ เนื้อสัตว์ ผัก ไข่ หรือจะสั่งแยกเอาเครื่องอย่างเดียวก็ตามสะดวกครับ

ถึงผมจะมานั่งเป็นกรุ๊ปแรก แต่ผมเป็นคิวสุดท้ายเค้าจะทำ ผมเข้ามานั่งตอนบ่ายโมง กว่าจะได้กินก็ราวๆ บ่ายโมง 45 ครับ หิวจัดๆมากินไม่ได้แน่ๆ

และแล้วของผมก็มา แกงกะหรี่ มาธอน(เนื้อแกะ)+ผัก+ไข่ เชฟแกจัดทุกอย่าางปรุงลงในกะทะเดียว แล้วราดลงข้าวเลย ไม่ต้องมีความสวยงามอะไรทั้งสิ้น

แต่รสชาตินั้นคาดหวังได้เลยครับ ตอนแรกผมคิดว่ารสชาติอาจจะเป็นแบบดั้งเดิมเหมือนที่กินแกงกะหรี่อินเดียที่มาเลย์ แต่ปรากฎว่าเป็นอีกรสนึงเลยครับ เป็นรสของทางร้าน มีครบรสทั้งหวาน เผ็ดๆอมเปรี้ยวนิดๆ อร่อยสุดๆครับ แม้จะเพิ่งกินอาหารเช้าและอาหารกลางวันมา แต่ก็กินจานใหญ่ๆจานนี้ได้หมดจานเลย

ร้านคาชิมีล
วันเวลาเปิดให้บริการ [อังคาร-ศุกร์] 12.00 (ไม่แน่นอน แล้วแต่ทางร้านจะเปิด) ขายจนกว่าแกงจะหมด
หยุด เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ (ไม่แน่นอน)
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2701/A270102/27003694/dtlmap/

หลังจากที่โซ้ยแกงกะหรี่เสร็จด้วยความคึกนั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานี Ogimachi

แถบนี้เป็นแถบที่เด็กๆเยอะมาก มีสนามเด็กเล่น และแก๊งแม่ลูกอ่อน เยอะแยะ

เดินมาไม่นานก็ถึงร้านเค้กเป้าหมาย Patisserie Ravi,e relier เป็นร้านที่เว็บ Tabelog ให้คะแนนสูงทีเดียว

มาถึงข้างในร้านคนเพียบมากๆ ที่นั่งมีนิดเดียวก็มีเหล่าแม่บ้านมานั่งกินเค้ก ซดกาแฟเมาท์กัน

เค้กหน้าตาดีๆเพียบเลย

ขนมอื่นๆก็มี

เลือกมา 4 ชิ้นเอากลับไปกินที่โรงแรมครับ ได้แก่

Pianissimo 450เยน เป็นมูสรสน้ำผึ้งหวานๆกับเกรปฟรุตเปรี้ยวๆตัดด้านบน

Pierre temptacions 510เยน สึเขียวๆนี่คือเป็นมูสรสถั่วพิตาชิโอจากชิชิลีครับ (อันนี้โบว์ชอบ)

Miserable 490เยน เป็นเมนูใหม่มีแอลกอฮอล์นิดหน่อยจากรัมเรซิ่นในครีมครับ

Chocola Caramel 490เยน ช็อกโกแล็ตขมจัดๆ ด้านในเป็นคาราเมลหวานๆตัดกัน (แต่กินเมนูนี้แล้ว กลบรสเค้กอันอื่นไปเลยครับ)

ร้าน Patisserie Ravi,e relier
วันเวลาเปิดให้บริการ 11:00-20:00
หยุดวันอังคาร-พุธ (และวันอื่นๆต้องเช็คที่เว็บไซต์ทางร้านครับ http://ameblo.jp/patisserie-ravie-relier/)
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2701/A270103/27044987/dtlmap/

หลังจากกินเค้กเสร็จแล้วก็ตีตั๋วรถไฟไปโกเบกันเลย!!!! นั่งไฟจากโอซาก้ารถมาราวๆ 40 นาทีก็ถึงแล้วครับ

มาลงที่สถานี Sannomiya

เดินเลาะมาเรื่อยหาเป้าหมาย ระหว่างทางกลิ่นปิ้งเนื้อก็หอมกรุ่นเต็มซอย

ตอนแรกเล็งที่ร้านนี้ไว้ครับ ร้านสึรุยะ ร้านนี้ค่อนข้างดังและได้เรตติ้งสูงในหมวดปิ้งย่างที่โกเบ แต่ทว่า ไม่ได้จองไว้ เต็มแล้วครับ

ตักหลักเปิดเว็บหาใหม่ก่อน ได้อีกร้านนึงที่เรตติ้งดีเท่ากับกับสึรุยะเป๊ะๆเลย ร้าน อิชิดะยะ ฮานะเระ

แต่ว่าร้านอยู่ชั้น 7 ของตึกครับต้องขึ้นลิฟท์ไป

ออกจากลิฟท์มาก็ถึงหน้าร้านเลยครับ

โต๊ะที่นี่จะแบ่งเป็นส่วนๆครับ ตอนไปใจก็ลุ้นว่าจะมีที่ว่างมั้ยเพราะไม่ได้จอง แต่โชคดีมีโต๊ะนึงจองไว้ค่ำๆหน่อย เลยได้นั่งโต๊ะเค้าก่อน

เปิดเมนูเลย มาร้านปิ้งย่างที่โกเบ ไม่กินเนื้อโกเบจะกินอะไรล่ะคร๊าบบบ

กินซุปไข่ …. ไม่ใช่อันนี้ของนิทาน

กินสลัด…ดูเพื่อสุขภาพ

กิมจิมาแกล้มซักนิด

กระเทียมทอด เอาให้แอนกิน

โอเคครับ พระเอกของเรื่องมาแล้ว… โทคุเซ็นเชอรอยด์ และ โทคุเซ็นเฮเระ (ที่โอซาก้าจะเรียกเนื้อสัน(ฮิเระ)ในว่าเฮเระครับ)

มาอย่างหรู!!!!

กระหน่ำจัดกันเข้าไป อันนี้เมนูขายดีอันดับ 1 ชื่อเมนูว่า โทคุเซ็นยากิชาบู ใช้เนื้อสันนอกหั่นบางๆแบบชาบู

โทคุเซ็นอิจิโบะ(ส่วนสะโพก) และโทคุเซ็นโรส(สันนอก)

โทคุเซ็นอิจิโบะ

โทคุเซ็นโรส

โทคุเซ็นคัลบี้ (เนื้อติดมัน)

โจวฮารามิ (ส่วนกระบังลม)

ลิ้นแบบพิเศษสุดๆ บีบมะนาวจิ้มเกลือกิน เหมาะสุดๆ

โทคุเซ็นมิสึจิ เป็นเนื้อส่วนอุเดะคัดพิเศษ (ประมาณช่วงตัวด้านหน้า)

เวลาแห่งความสุขเริ่มขึ้นแล้ว!!!

เน้นย่างสุกแบบมิเดี้ยม เนื้อนุ่มมากกกกกกกกกกกกกกก แค่จิ้มเกลือก็พอแล้วครับ ไม่ต้องปรุงแต่งเพิ่มเลย

เครื่องปรุงหลักๆที่แนะนำก็มี เกลือ พริกไทย หรือจะทาวาซาบิแล้วจิ้มโชยุกินก็อร่อยไปอีกแบบ

ส่วนยากิชาบูนั้นก็เอามาสะดุ้งไฟแป๊บนึงแบบชาบูๆก็พอแล้ว

วางบนข้าวสวย เท่าไหร่ก็ไม่พอครับแบบนี้

จบมื้อนี้ค่าเสียหายอยู่ที่ 26,070 เยน…

หลังจากนั้นก็เดินเล่นแถวๆสถานีแล้วก็กลับโอซาก้าครับ

ร้านอิชิดะยะ ฮานะเระ
วันเวลาเปิดให้บริการ 17:00-24:00(Last Order 23:00)
หยุดวันอาทิตย์ (ในกรณีที่วันจันทร์เป็นวันหยุด จะขายวันอาทิตย์แล้วหยุดวันจันทร์แทนครับ)
แผนที่ http://tabelog.com/hyogo/A2801/A280101/28028299/dtlmap

ต่อวันสุดท้าย วันที่ 5 ครับ

ตอนเช้าตื่นมาเดินเล่นแถวๆย่าน Shin Sekai

ที่นี่จะมีของขึ้นชื่อคือหอคอยสึเทนคาคุ

ด้านล่างหอคอยมี หน้ากากโรบิน จากเรื่องคินนุกุแมนด้วย

ตอนแรกว่าจะขึ้นไปเที่ยวซักหน่อยใกล้เปิดแล้วแต่เจอแก๊งเด็กทัศนะศึกษาพอดี น่าจะเสียเวลาเยอะ เลยขอผ่านดีกว่า

จากนั้นก็นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานียะโอ

เดินมาราวๆ 5 นาทีก็ถึงร้านเป้าหมาย ร้านทงคัตสึมันเจ

แต่คนเยอะมากครับ

ที่นี่จะใช้ระบบลงชื่อไว้ครับ ไม่ต้องต่อคิว แต่เวลาถึงคิวต้องอยู่นะ

ช่วงที่รอเรียกคิวก็ดูเมนูก่อน ถ้าใครจะซื้อเป็นเบนโตะกลับบ้านก็ไม่ต้องรอคิวนะครับเข้าไปสั่งได้เลย

รอได้ราวๆ 30นาทีก็ถึงคิวซักที

ที่นี่ได้รับรางวัลจาก Tabelog.com เยอะมาก

มีบอกรายละเอียดของหมูและร้านบนกระดานด้านบนด้วย

เสิร์ฟผักกะหล่ำปลีหั่นฝอยมาก่อน

น้ำสลัดที่นี่อร่อยมากครับ

ซุปมิโสะรสเข้มข้นอร่อยมาก

เครื่องเคียงครับ มีคัตสึโอะตากแห้งโปะมาเต็มเลย

ข้างในเป็นมะเขือครับ หวานอร่อย

สำหรับเมนูที่ผมสั่งจะพิเศษหน่อยจะมีจานใส่เกลือมาให้ด้วย

มาแล้วครับ สันนอกหมูทอดพิเศษ หมูนี่ที่จะเป็นหมูดำแบรนด์โตเกียวX

ชิ้นหนามากๆ ทอดมาแบบมีเดี้ยม ข้างในอมชมพูๆ เนื้อนุ่มหวานนนนสุดๆ

กินเปล่าๆก็หวานแล้วครับ หรือจะจิ้มเกลือกินก็ยิ่งเน้นรสชาติของเนื้อหมูออกมาอีก

กินกับข้าวกี่ถ้วยก็ไม่พอครับ ที่นี่ก็เติมข้าวได้ไม่อั้น

กินหมดแล้วรู้สึกยังไม่พอ ความอยากมันพุ่งพล่าน เลยสั่ง สันในหมูทอดแบบพิเศษมาอีกจาน

นุ่มชุ่มฉ่ำมากครับ เนื้อหวาน ไม่มีมัน ไม่เลี่ยน อร่อยสุดๆ

เวลากินเชฟบอกว่าให้ค่ำลงบนจานเกลือให้หน้าตัดซึมซับเกลืออย่างเต็มที่

โปะบนข้าวร้อนๆ

เท่าไหร่ก็ไม่พอครับสำหรับหมูทอดที่นี่

สำหรับค่าเสียหายอยู่ที่ 2850 เยนครับ ที่นี่โบว์กับแอนไม่ได้มากินด้วย เนื่องจากสถานที่ไม่อำนวยกับนิทาน เลยอดดดดดดดด

ร้านมันเจ
วันเวลาเปิดให้บริการ 11:30-14:00/17:00-21:00
หยุดวันจันทร์ และวันอังคารที่ 3 ของเดือน
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2707/A270705/27013624/dtlmap/

หลังจากินเสร็จแล้วก็ไปร้านเค้ก Nakatani ซึ่งร้านนี้เปิดมากว่า 26ปีแล้วแต่ก็ยังได้รับความนิยมเรื่อยมาจนปัจจุบัน

ร้านนี้คนเยอะใช้ได้ ส่วนใหญ่จะซื้อกลับบ้านกันครับ

เค้กน่ากินเพียบ

จัดช็อตเค้กมา ครีมนุ่มฟู รสไม่หวานเกินไป สุดยอดมาก

ชี้สเค้กที่นี่เนื้อแน่นมากๆ เข้มข้นอร่อย

อีก 1 เมนูขายดีของที่นี่ ให้ร้านแนะนำให้ครับ

อันนี้อร่อยมากครับ ชอบเป็นการส่วนตัว ครีมหอมหวานกำลังดี

ถ้ากินเค้กที่นี่เค้าจะมีช็อกโกแล็ตแถมให้ก้อนล่ะ 1 ชิ้นครับ (เลือกเองไม่ได้)

เครื่องดื่มเย็นที่นี่มีให้เลือกน้อยไปนิดนึงครับ

ร้านNakatani
เปิดให้บริการ 10:00-19:00
หยุดวันจันทร์ และวันอังคารที่ 3 ของเดือน
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270205/27000953/dtlmap/

ก่อนกลับก็มาร้านซูชิอีกร้านที่จองไว้ ร้านซูชิ ฮิคุจิ

มีครอบครัวกระเหรี่ยงยืนอยู่หน้าร้าน

เข้าไปกันเลยดีกว่า

พอเข้ามานั่งที่นี่จะยกของกินเล่นให้เราเลือกก่อนเลย มีหลากหลายมาก ก็เลือกมา 3 อย่าง

โทริไก

อาซาริไก

ส่วนอันนี้ไข่ปลาอะไรไม่แน่ใจครับ ลืมถาม

จัดมาเลยคำแรกเป็นอากามิสึเคะ

จูโทโร่ หวานมัน นุ่มมมม ละลายยยย

ปลาไทครับ สดมากเนื้อแน่น

อาจิ รสเข้มข้น

โทริไกแบบสด กรุบๆ

เกลือจากแร่หิน ขัดกันสดๆตรงนี้เลย

อิกะ ที่นี่ผมทึ่งอิกะของร้านนี้มาก ที่เห็นริ้วๆนี่เค้าหั่นแยกออกจากกันเลยนะครับไม่ได้แค่บั้งให้นุ่ม กินแล้วสุดยอดมาก นุ่มสุดๆเลย

คั่นด้วยปลากินกิย่าง (ครึ่งตัว 3400เยน) ชอบปลานี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว รสหวานอร่อยมาก

อุนิ อันนี้ก็สดหวาน

อานาโกะ อันนี้แบบทาซอส

อานาโกะ อันนี้ส่วนด้านล่างครับ ใส่ซอสบ๊วย รสชาติออกเปรี้ยวไปอีกทางนึง

คินเมะไดของชอบ หวานละลายในปากเลยยยย

อุนางิ ซอสหวานกำลังดี เนื้อนุ่ม

จริงๆเมื่อกี้เป็นคำสุดท้ายครับ แต่ไม่พอเลยสั่งเพิ่มเอง คุรุมะเอบิตัวเป้งๆ เนื้อแน่นสุดๆ

ตบด้วย อากะไก หรือหอยแครงญี่ปุ่น ได้ 2 คำ เพราะหอยจะมี 2 ส่วนครับ

กินกัน 3 คนค่าเสียหาย 23900เยนครับ ถูกกว่ากินมิชลิน 3 ดาวคนเดียวอีก

ร้านนี้อยากแนะนำ เพราะจองไม่ยาก ราคาก็ไม่โดดเด้งเวอร์ๆ รสชาติก็แจ่มเลยครับ

ร้านซูชิฮิกุจิ
เปิดบริการ 17:00-23:00(Last Order 22:30)
หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
แผนที่ http://tabelog.com/osaka/A2702/A270201/27043154/dtlmap/