© 2014 Ping. All rights reserved.

ตะลุยกินแหลกแถบโทโฮคุ 12วัน 12คืน ตอนที่2-Ishinomaki, เกาะแมว

วันที่ 2 ISHINOMAKI – Tashirojima (เกาะแมว)

*รอบนี้ไม่มีของกินนะครับ เน้นเที่ยวล้วนๆ

ทริปนี้ตั้งใจจะมาเยือนเกาะแมว แต่ที่นี่นั้นการมาต้องเตรียมตัวมาพอสมควรเพราะไม่ใช่จุดท่องเที่ยวที่นิยมนักการเดินทางจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่

ตอนแรกตั้งใจว่าจะค้างคืนที่เกาะนี้ด้วยซ้ำ แต่ว่าโทรจองไม่ได้เลยครับ เค้าไม่รับลูกค้าต่างชาติ (เนื่องจากที่พักเป็นแนว Home Stay และคนดูแลมีแต่ตายาย เค้าไม่สะดวกที่จะสื่อสารเท่าไหร่) ดังนั้นจึงต้องพักที่เมือง Ishinomaki แต่โรงแรมที่เมืองนี้ก็ไม่สามารถจองผ่าน internet ได้เลย สุดท้ายก็ใช้วิธีโทรจองเอาครับ

จากข้อมูลที่เตรียมไว้ เรือที่ออกไปเกาะแมวมี่แค่”เที่ยวเดียว” ออกตอน 9โมงเช้า และกลับแค่เที่ยวเดียวตอนบ่ายโมงครึ่ง ดังนั้นพลาดไม่ได้เลยครับ

ดังนั้นจึงต้องตื่นแต่เช้าขึ้นรถไฟที่สถานีเซนได รถไฟเที่ยวแรกที่จะไป Ishinomaki นั้นคือ 6โมงเช้า (เที่ยวต่อไปคือ 7โมง ซึ่งก็จะไม่ทันรอบเรือ) ใช้เวลาเดินทางรวมเปลี่ยนรถ ราวๆ 2ชม.ครับ

นี่คือเส้นทางในการเดินทาง

รีบออกกันตั้งแต่ตี 5 เลยกลัวไม่ทันรถไฟครับ ตอนนี้ก็ซื้ออะไรกินกันตายที่ร้านสะดวกซื้อก่อน และจากข้อมูลที่หามานั้น ไม่มีอาหารขายบนเกาะเลย!!

มาเปลี่ยนรถที่สถานี Kogata รอรถมาราวๆครึ่งชม.ครับ

และแล้วเวลา 8โมงเช้าก็มาถึงสถานี Ishinomaki แล้วครับ

สำหรับที่เมืองนี้ จะมีมิวเซี่ยมของ อ.Shotaro Ishinomori ผู้ให้กำเนิดคาเมนไรเดอร์ (หรือไอ้มดแดง) รวมถึงการ์ตูนดังๆอย่าง ไซบ็อก009 อีกด้วย ดังนั้นทั้งเมืองนี้จึงมีรูปปั้นคาแร๊กเตอร์ที่ อ.ท่านนี้ออกแบบไว้เต็มเมืองเลย

เริ่มต้นที่สถานีก็มีแล้ว เปิดด้วย V1

ไซบ็อก009

กระจกที่สถานีออกออกแบบเป็นลายจาการ์ตูนด้วย

จากนี้ไปก็ต้องเรียกแท๊กซี่ แวะเอาของไปเก็บที่โรงแรมแล้วตรงบึ่งมาที่ท่าเรือครับ ใช้เวลาประมาณ 15นาทีก็ถึง

คืออากาศหนาวมาก คงบรรยายไม่เห็นภาพ เลยถ่ายมาให้ดูกันชัดๆ แอ่งน้ำขังกลายเป็นน้ำแข็งเลย

รอถึง 9โมงเรือก็มาแล้วครับ ค่าเรือเที่ยวล่ะ 1,200เยนต่อคน จ่ายบนเรือเลยครับ

คนเรือออกมานั่งเท่ที่หัวเรือเลย ไม่หนาวหรือไงกัน

เรือค่อนข้างเล็กครับ ผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นคนบนเกาะออกมาซื้อของกลับบ้านมากกว่า

ท้ายเรือ

ในตัวเรือห้องผู้โดยสารมีป้ายข้อห้ามแปะอยู่ด้วย เช่นห้ามสูบบุหรี่ ห้ามทำลายข้าวของ ห้ามดื่มเหล้า รวมไปถึงห้ามลวนลาม ห้ามชวนคุยเรื่องลามกอีกด้วย

นั่งมาประมาณ 1ชม.ก็มาถึงเกาะแมวแล้วครับ ช่วงนี้กำลังก่อสร้างอะไรอยู่ไม่รู้ แต่ที่แนวคือเครนก็มีตัวการ์ตูนไรเดอร์แปะอยู่ด้วย

แมวตัวแรกของเกาะที่ได้พบเจอ อยู่ตรงท่าเรือเลย

สำหรับเกาะแมวที่นี่นั้น เกิดขึ้นเพราะว่าตั้งแต่ในอดีตคนบนเกาะยึดถือว่าแมวเป็นสัตว์นำโชค คอยกวักปลามาให้ชาวประมงจับได้เยอะๆ ดังนั้นที่นี่จึงมีประชากรแมวมากกว่าประชากรคนครับ

พอคนมา แมวก็เข้ามาหาใหญ่เลย

แถมรู้งานด้วย กลิ้งโชว์เลย

ป้ายต่างๆก็เป็นกราฟฟิครูปแมว

ถังขยะก็เป็นแมว

ป้ายข้อห้ามต่างๆบนเกาะครับ

ป้ายบอกจุดสำคัญๆบนเกาะ

บ้านบนเกาะนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านเก่าๆตั้งแต่อดีตครับ ประชากรส่วนใหญ่ก็เป็น ตาๆยายๆทั้งนั้นเลย คนหนุ่มสาวน่าจะทำงานในเมืองกันหมด

ตามจุดบ้านคนเล็กๆน้อยๆก็มีประดับตกแต่งด้วยแมว

เดินไปเจอลานกว้างก็เจอแมวซุกตามจุดหลบหนาวกันอยู่

พอเรียกปุ๊บ เท่านั้นล่ะ ออกมากันเพียบบบ

หน้าตาสมกับเป็นแมวจริงๆ

ลงรูปเดี่ยวๆบ้าง

ร้องหง่าวๆเลย

มองกล้องแบบรู้งาน

จากตรงเมื่อกี้เดินเลียบทะเลไปจุดต่อไปกัน

ระหว่างทางก็เจอศาลเจ้าด้วย

เดินทางปกติดีๆไม่เดิน ขอเดินลัดเนินเขานิดนึงครับ

บนนี้เจอแปลงผักของคนบนเกาะด้วย ใหญ่เบิ้มมากๆ

ตัดมาเนินบนสุดจะเจอจุดตั้งแคมป์ครับ แล้วแคมป์ที่นี่ตัวอาคารก็จะดีไซน์เป็นแมวด้วย บริเวณนี้จะเรียกว่า มังกะไอแลนด์ หรือเกาะการ์ตูนครับ

น่ารักทีเดียวเชียว

แต่ล่ะอาคารก็ดีไซน์ดีเทลแตกต่างกันออกไป

แล้วก็มีอาคารแมวเด่นๆนี้ตระหง่านโผล่มา

รูปทั้งอาคารครับ เก๋ทีเดียว

ตรงประตูก็มีวาดรูปแมวด้วย

ด้านข้างก็มีวาดรูปแมวอันตพาล ดูจากรูปแล้วน่าจะเอาต้นแบบมาจากการ์ตูนเรื่องไมเคิล

ตรงกลางก็มีอาคารขนาดใหญ่สำหรับแคมป์เป็นหมู่คณะ

ที่นี่จะมีเวลาให้บริการอยู่ครับ ซึ่งฤดูหนาวนี้ก็หยุดให้บริการ

โต๊ะแถวนี้มีหินที่วาดรูป ขีดเขียนวางไว้เต็มไปหมด

นั่งพักกินข้าวที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อตั้งแต่เช้าตรงนี้ก็มาสมาชิกมารอเลย

เต็มจอเลย

เดินลงมาเจอย่านที่อยู่อาศัย

แถวนี้ก็แมวเต็มเลย

เดินไปไหนก็เดินตามไปด้วย

ไปสมทบกับพวกพ้อง

เดินตัดไปอีกทางนึง ขึ้นเขาไปเยี่ยมชมศาลเจ้าแมวซักหน่อยครับ แต่อยู่อีกฝั่งของเกาะเดินค่อนข้างไกล แต่มีไกด์นำทางตามมาด้วย

ระยะทางจากตรงนี้ไปเป็นการขึ้นเขาล้วนๆ

มีป่าไผ่ด้วย

เดินซักระยะ เริ่มไม่มั่นใจว่ามาถูกทางรึเปล่า

เจอป้ายล่ะครับ มาถูกทางล่ะ

มาถึงแล้วศาลเจ้าแมว ท่าทางอลังการมากๆ

ผ่างงงงงงงง!!!! มีเท่านี้ล่ะครับ

ที่นี่มีตุ๊กตาแมวเซรามิกเต็มเลย

ได้เวลาเรือขากลับแล้ว กลับสู่ Ishinomaki กัน

กลับมาที่ Ishinomaki ครับ จริงๆเมืองนี้เป็นเมืองที่โดนสึนามิในปี 2011 หนักมากๆ และมีร่องรอยของสึนามิครั้งนั้นอยู่

ที่เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกที่ครับ นั่นก็คือ Ishinomori Mangakan เป็นมิวเซี่ยมของอาจารย์อิชิโนโมรินั่นเอง

ก่อนที่เราจะเข้าไปดูก่อน ใกล้ๆนั้นมีงานศิลปะที่สูง 9เมตรอยู่

ผลงานศิลปะชิ้นนี้มีชื่อว่า “Kagayaku Jin” แปลได้ประมาณว่า มนุษย์แสงสว่าง สร้างขึ้นโดยคุณโยชิฮิเดะ เนื่องในเหตุการณ์สึนามิที่ผ่านมาครับ

ที่ฐานก็มีรูปวาดของเด็กๆอยู่

กลับมาที่มิวเซี่ยมต่อครับ ก่อนเข้าไปลุงที่อยู่ข้างหน้าก็เรียกให้ดูอะไรบางอย่าง ลุงแกนำเสนอมากๆ และบิ้วเอามากๆ

แกบอกว่าตอน 3โมงเย็นเป๊ะๆ จะมีคาแร๊กเตอร์การ์ตูนเรื่องต่างๆโผล่มาจากปล่องนี้ ไหนๆก็ไหนๆบิ้วมาซะขนาดนี้

ช่วงที่รออยู่นั้น ลุงแกก็ให้ดูภาพหลังจากที่โดนสึนามิใหม่ๆ คนที่นี่เค้าค่อนข้างนำเสนอเรื่องราวแบบนี้มากๆ เหมือนคอยย้ำไปในตัวให้เราเข้มแข็งขึ้น

ได้เวลาโชว์แล้ว ผ่างงงงง!!!! มีเท่านี้ล่ะครับ แล้วก็มีเสียงพูดของตัวละครแต่ล่ะคน

ด้านหน้ามิวเซี่ยมก็มีหุ่นตัวละครจากเรื่องต่างๆที่อาจารย์เคยวาดไว้ เช่น ซีเจ็ตเตอร์ ไคโตะ  เป็นฮีโร่ที่มีคอนเซปต์เกี่ยวกับท้องทะเล และพวกศัตรูก็เป็นปีศาจที่เกี่ยวกับสัตว์น้ำ รู้สึกว่าตอนหลังตัวละครนี้จะให้เป็นตัวละครตัวแทนของเมืองนี้ด้วยครับ

แล้วก็มี 002 จากเรื่อง ไซบ็อก 009 อยู่ด้านบน

อีกด้านนึงก็มีลายเซ็นต์พร้อมพิมพ์มือของนักวาดการ์ตูนท่านต่างๆครับ

มาด้านใน ชั้น1 ก็จะเป็นส่วนขายของ และซื้อบัตรเข้าชมครับ ผู้ใหญ่ราคาคนล่ะ 500เยน

มีโมเดลบ้านของอาจารย์ด้วย

ทำละเอียดถึงด้านในเลยทีเดียว

ภายในมิวเซี่ยมนั้นก็มีจัดโชว์ต่างๆ ทั้งงานต้นฉบับจริงๆของอาจารย์ ข้อมูลตัวละครต่างๆ รวมไปถึงภาพยนตร์อีกด้วย ซึ่งวันที่ผมไปจะมีฉาย 3 เรื่อง เรื่องล่ะ 20นาที ฉายตามรอบครับ

ต้นฉบับจริงๆของอาจารย์

ใครทันบ้าง คิไกเดอร์

ในช่วงที่ผมไปนั้นก็มีแสดงงานพิเศษของ อาจารย์ เคนอิจิ มุราเอดะ ผู้เขียนเรื่อง ยิงประตูสู่ฝัน และเป็นคนที่เขียนคาเมนไรเดอร์ขึ้นมาใหม่ ภายใต้ชื่อว่า Rider Spirit

ในงานก็มีการแสดงต้นฉบับจริงๆ จากการ์ตูนเรื่องต่างๆที่แกเคยวาด

รวมไปถึงผลงานใหม่ๆ และสเก็ตภาพของไรเดอร์

นอกจากนี้ชั้นบนก็มีห้องสมุด มีหนังสือการ์ตูนให้นั่งอ่านกัน (นอกจากผลงานของอาจารย์อิชิโนโมริแล้วก็มีเรื่องอื่นๆด้วยครับ)

หรือใครอยากวาดรูป สร้างสรรค์งารศิลปะ อยากเป็นนักวาดการ์ตูนก็เชิญได้

ผลงานของเหล่าเด็กๆครับ

ส่วนอันนี้ผลงานของอาจารย์ท่านอื่นๆแต่วาดผลงานของอาจารย์อิชิโนโมริ

รวมไปถึงภาพการฟื้นฟูมิวเซี่ยมแห่งนี้หลังจากที่โดนสึนามิครับ

ที่นี่ก็มีร้านอาหารด้วย ของแนะนำในช่วงนี้ก็คือ ข้าวแกงกะหรี่ยิงประตูสู่ฝัน!!!

แต่ก็ไม่ได้กินนะครับ เดี๋ยวจะไปโซ้ยข้าวจริงๆกันล่ะ

ระหว่างทางในเมืองนี้จะมีรูปปั้นตัวละครที่อาจารย์วาดไว้ตามจุดต่างๆของเมืองอีกด้วย

ตรงนู้นก็มี

คุ้นกันมั้ยเอ่ย

มีจุดแจ้งด้วยว่าแต่ล่ะตัวอยู่ตรงไหนบ้าง จริงๆผมถ่ายมาครบทุกตัวนะ แต่เดี๋ยวจะเยอะเกินครับ

กลับมาเรื่องกินซักที เนื่องจากวันที่ไปนั้นเป็นวันหยุดของคนญี่ปุ่นเค้า วันนั้นจึงเงียบมากๆ และร้านอาหารหลายร้านก็หยุดด้วย

แต่ก็ได้มาร้านนึงที่เล็งไว้ ร้าน โฮราอิ ซูชิ เป็นร้านซูชิที่ได้เรตติ้งอันดับ1 ของที่นี่จาก Tabelog.com (ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่จำนวนคนให้เรตติ้งน้อยมากครับ)

เข้าไปร้านเพิ่งเปิดพอดี ยังไม่มีคนเลยครับ

ร้านนี้ไม่มีเมนูนะครับ ต้องดูที่ผนังเอา

เชฟกำลังเตรียมอาหารให้ครับ

อากาศหนาวก็ต้องชาร้อนๆ

เตรียมตัวโซ้ย!!

จัดซาซิมิรวมมาก่อน

ซึ่งก็มีมากุโร่ (ส่วนขาวๆข้างๆจำไม่ได้แล้วครับว่าเป็นอะไร)

ทาโกะ นุ่มมากๆ

ซาวาระรมควัน หอมมันดี

ซาบะครับ รสชาติเข้มข้น

อากะไก หรือหอยแครงญี่ปุ่นครับ เนื้อกรุบกรอบ สดมากๆ

อิกะ เนื้อหวานๆ

และที่อยากลองมานานแต่ยังไม่ได้ลองซักที เนื้อวาฬครับ จริงๆก็เคยได้ยินมาก่อนล่ะครับ ว่าเนื้อไม่ได้พิเศษอะไร แต่ก็อยากลอง

อันนี้รู้สึกจะเป็นลิ้นวาฬครับ เนื้อกรุบๆเข้มข้น อันนี้อร่อยดี

ชิราโกะสดๆ ชอบมากๆ สั่งมาเบิ้ลด้วย

สั่งซาวาระมาเพิ่มด้วยครับ

อุนางิย่างแบบไม่ใส่ซอส เวลากินก็บีบมะนาวใส่และเหยาะโชยุนิดนึง เนื้อนุ่ม หนังกรุบกรอบ อร่อยล้ำ

จัดของให้อยู่ท้องหน่อย ไคเซ็นด้ง ข้าวหน้าทะเลครับ สีสันสวยงามดี

เครื่องแต่ล่ะอย่างรับประกันสดๆทั้งนั้น

ส่วนอันนี้ของแนะนำทางร้าน เป็นเมนูออริจินัลของทางร้านครับ ซูชินึ่ง เป็นการใช้เครื่องซูชิที่เหมาะกับข้าวอบแล้วนำมาอบพร้อมข้าวครับ อร่อยมากๆ

ซุปใสหน้าตาดีมากๆ รสชาติก็แจ่มด้วย

ค่าเสียหายมื้อนี้ครับ

ร้าน โฮราอิ ซูชิ
แผนที่ http://tabelog.com/miyagi/A0404/A040403/4002443/dtlmap/
เปิด 11:00-14:00、17:00-21:00
หยุดวันอาทิตย์

แต่มาที่นี่ยังไม่ได้กินหอยนางรมของขึ้นชื่อของทะเลฝั่งนี้เลย เลยหาร้านต่อซักหน่อยครับ

มาที่ร้านใกล้ๆสถานีร้านนี้มั่วๆเข้ามาเลยครับ ร้าน Watamin-Chi

พร้อมรบ!!!

เครื่องดื่มมาก่อนเลย แมงโก้มิลค์โยเกิร์ต

กาแฟนมครับ

สลัดที่นี่ให้กะหล่ำปลีมาเป็นกลีบใหญ่ๆเลยครับ แต่กินง่ายมาก กรุบกรอบ สาหร่ายที่โรยด้านบนก็เข้ากับน้ำสลัดและผักมากๆครับ

ของกินเล่นครับ เป็นรากบัวทอดกินกับมาสตาร์ด สัมผัสกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน อร่อยดี

มาล่ะครับของเด็ด หม้อไฟมิโสะหอยนางรม แถมราคาก็ไม่แพงด้วย ราคา 499เยนต่อคน (หม้อในรูปสำหรับ 2คนครับ)

หอยนางรมก็ดูสดเต่งตึงน่ากิน

ต้มไปซักพัก็เดือดปุดๆๆๆๆ แล้วววว

ซุปมิโสะกลมกล่อมอร่อย หอยนางรมก็เข้มข้นเข้ากับซุปมากๆครับ

สั่งมากินกับข้าวปั้นย่างซักหน่อย ด้านนอกกรอบหอม ด้านในเหนียวนุ่ม อร่อย

อีกเมนูหอยนางรมที่เห็นแล้วอดใจไม่ได้ หอยนางรมย่าง 2ตัว 399เยน มาแบบย่างทั้งเตาที่โต๊ะเลย

ที่คีบพร้อมซอสโชยุพร้อม

ย่างไปซักพักก็ใส่ซอสลงไปพร้อมกินเลย

หอยสดมากๆ รสชาติเข้มข้นมากๆ อร่อยสุดๆ

จบวันที่ 2 ด้วย ไรเดอร์ V3 สเกลแปลกๆ หน้าสถานี