Browse
จริงๆที่ไปโอซาก้านี่เขียนไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้วครับ แต่เพิ่งได้เอามาลง Blog ^^”
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ เนื่องจากรอบก่อนเพิ่งไปลุยโตเกียวมาหมาดๆ รอบนี้เลยขอลุยฝั่งโอซาก้าบ้างครับ
เครื่องลงสนามบินคันไซราวๆ 7 โมงเช้า เอาของสัมภาระ รวมทั้งโบว์และนิทานทิ้งไว้ที่ล็อบบี้โรงแรม ผมและแอนก็ตะลุยที่ร้านแรก ร้านราเม็ง ไซไซ ร้านนี้เป็นร้านราเม็งที่ได้คะแนนอันดับ 1 จากเว็บอาหารยอดฮิตอย่าง Tabelog.com
มาที่สถานีรถไฟใต้ดิน Showacho เดินมาไม่นานก็ถึงครับ
ร้านเปิด 11โมงครึ่ง แต่ทะลึ่งมาซะ 10โมง ยังไม่มีคนมาต่อคิวเลย
วิธีต่อคิวของร้านนี้ครับ 3 คนแรกนั่งรอที่เก้าอี้ …
วันที่ 2 ISHINOMAKI – Tashirojima (เกาะแมว)
*รอบนี้ไม่มีของกินนะครับ เน้นเที่ยวล้วนๆ
ทริปนี้ตั้งใจจะมาเยือนเกาะแมว แต่ที่นี่นั้นการมาต้องเตรียมตัวมาพอสมควรเพราะไม่ใช่จุดท่องเที่ยวที่นิยมนักการเดินทางจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
ตอนแรกตั้งใจว่าจะค้างคืนที่เกาะนี้ด้วยซ้ำ แต่ว่าโทรจองไม่ได้เลยครับ เค้าไม่รับลูกค้าต่างชาติ (เนื่องจากที่พักเป็นแนว Home Stay และคนดูแลมีแต่ตายาย เค้าไม่สะดวกที่จะสื่อสารเท่าไหร่) ดังนั้นจึงต้องพักที่เมือง Ishinomaki แต่โรงแรมที่เมืองนี้ก็ไม่สามารถจองผ่าน internet ได้เลย สุดท้ายก็ใช้วิธีโทรจองเอาครับ
จากข้อมูลที่เตรียมไว้ เรือที่ออกไปเกาะแมวมี่แค่”เที่ยวเดียว” ออกตอน 9โมงเช้า และกลับแค่เที่ยวเดียวตอนบ่ายโมงครึ่ง …
ตะลุยกินแหลกแถบโทโฮคุ 12วัน 12คืน ตอนที่1-เซนได
ห่างหายไปนาน เนื่องจากเก็บตัวอยู่ครับ ล่าสุดได้ไปตะลุยกินที่แถบโทโฮคุ หรือภาคอีสานของญี่ปุ่น
เนื่องจากมีเพื่อนชวนไปญี่ปุ่น อยากหาคนนำเที่ยว ไอ้เราก็เป็นผู้ชายใจง่าย ใครชวนก็ไป แต่เงื่อนไขรอบนี้คือไม่ไปโตเกียว โอซาก้า และที่ๆเจริญแล้ว จึงได้เดินทางไปแถบโทโฮคุนี้เอง เป็นแถบที่ผมอยากไปมานานแล้ว แถมเดือนที่จะไปสายการบินไทยก็เปิดบินตรงมาลงที่สนามบินเซ็นไดพอดี รอบนี้จึงสมใจอยากซักที
ที่ไปรอบนี้ได้แก่ จังหวัดมิยากิ จังหวัดอิวาเตะ จังหวัดอาโอโมริ เมืองฮาโกดาเตะที่เกาะฮอกไกโด จังหวัดอากิตะ จังหวัดยามาตะเกะ ใช้เวลาร่วม 12วัน หลักๆการเดินทางคือเช่ารถแล้วขับกันไปเองครับ รวมระยะทางในการเดินทางทั้งทริปประมาณ 1600 กม.
ว่าแล้วก็เริ่มเลยดีกว่า
ตะลุยกินที่แถบโทโฮคุ วันที่ 1
เริ่มต้นมาลงที่สนามบินเซ็นได หากจำได้สนามบินนี้ที่เคยเป็นข่าวโดนสึนามิด้วยครับ
ผมใช้วิธีนั่งรถไฟเข้าเมืองครับ ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ ค่ารถ 630เยน
เนื่องจากไม่ใช่เมืองใหญ่ รอบรถไฟที่วิ่งเข้าเมืองจึงไม่เยอะ นี่ก็ต้องรอรถไฟออกร่วมๆครึ่งชม.ครับ
รถไฟมี 2โบกี้เท่านั้นเอง
มาถึงสถานีเซ็นไดแล้ว สถานีค่อนข้างใหญ่พอสมควร
แท๊กซี่เพียบเลย
เมืองค่อนข้างเงียบมากครับ ไม่คึกคักเหมือนเมืองใหญ่ๆ
หลังจากเอาของไปเก็บที่โรงแรมแล้วก็เดินทางไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า ระหว่างทางก็ผ่าน มหาวิทยาลัย โทโฮคุ ด้วย
ต้นไม้ในฤดูหนาวนี่ผลัดใบออกหมดแล้ว ได้บรรยากาศดีๆอีกแบบ
ร้านแรกของทริปนี้ที่มากินได้แก่ร้าน Cafe Mozart A telier
ทางเข้าร้านครับ
ประตูทางเข้าอยู่ทางนี้
เข้าประตูไปเป็นทางเดินลงไปชั้นล่าง
ข้างนอกเงียบเหงา แต่ข้างในร้านนี้คนแน่นร้านเลย เป็นร้านที่นิยมในแถบนี้ทีเดียว
ร้านนี้จะมีมุมเก๋ๆ แต่ล่ะโต๊ะก็จะแตกต่างกันไปครับ น่ารักดี
บ้างก็ได้มุมดีๆ นั่งแช่กันทั้งวัน
ลองเดินออกไปดูข้างนอก วิวฤดูหนาวดูแห้งแล้งหน่อย
อาหารมาแล้วครับ สปาเก็ตตี้คาบุเนงิกับเบคอน หน้าตาดีมากๆ ตัวคาบุเนงิก็หวานกรอบอร่อยทีเดียว
เป็นเซ็ตอาหารกลางวันรวมเครื่องดื่มก็ 900เยน เท่านั้นครับ
อีกเซ็ตเป็นแซนวิชครีมชี้สไก่ วัตถุดิบสดอร่อยมากๆ
เครื่องก็ใส่มาอย่างเต็มที่เลย
ในเซ็ตหากจะเพิ่มของหวานก็จ่ายเพิ่ม 250เยนต่อที่ จัดไปครับ
ชิฟอนเค้ก เนื้อนุ่มๆกินกับวิปครีมและแยมส้ม
สคูน เป็นแป้งกรอบๆกินกับวิปครีมและแยมเช่นกัน
ที่นี่จะมีสอนภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสด้วยครับ เช็คเวลาที่บอร์ดหน้าร้านได้เลย
ร้าน Cafe Mozart A telier
แผนที่ http://tabelog.com/miyagi/A0401/A040101/4002601/dtlmap/
เปิด 11:00~20:30
ไม่มีวันหยุด
กลับมาที่สถานีเซนไดต่อครับ ภายในสถานีคนแน่นทีเดียว
คนญี่ปุ่นพูดถึงของอร่อยของเมืองเซ็นไดคนญี่ปุ่นก็ต้องพูดถึงลิ้นวัว และถ้าพูดถึงลิ้นวัวที่เซ็นได คนที่นี่ก็ต้องนึกถึงร้าน ริกิว ที่มีสาขามากมายที่เมืองนี้
ลิ้นวัวขึ้นชื่อขนาดมี Pretz รสลิ้นวัวย่างขายเลย
ร้านริกิวที่จะกินกันคราวนี้เป็นสาขาที่สถานีเซ็นไดเลยครับ

ขนาดพ้นช่วงอาหารกลางวันไปแล้ว ดูปริมาณคนที่ต่อคิวสิครับ
แต่ก็เอาวะเพื่อของอร่อย
ระหว่างต่อคิวก็เล็งเมนูไว้ก่อน
อาหารแนะนำก็จะมีข้าวแกงกะหรี่มะเขือเทศลิ้นวัวและแกงกะหรี่เอ็กตร้าสไปซี่ลิ้นวัว
รอประมาณ 30นาที ก็ได้เข้ามานั่งกินแล้วครับ
ได้มานั่งที่เคาเตอร์ครับ แอบส่องคนข้างๆกิน น่าอร่อยมาก
มีผ้าเย็นครับ
ที่นี่มีชาเสิร์ฟฟรีครับ
แต่ก็ขอสั่งจิงเจอร์เอลของชอบหน่อย
นั่งที่เคาเตอร์มาดูพ่อครัวย่างลิ้นกันชัดๆเลย
เมนูที่น้องผมสั่ง ริกิวฮาล์ฟเซ็ต 1,575เยน ในเซ็ตประกอบไปด้วย ลิ้นวัวย่าง แกงกะหรี่(หรือสตู หรือมินิโทเมโต้ซอส) สลัด ซุปหางวัว ข้าว
สลัดมาก่อนเลย
มินิคาเร หรือแกงกะหรี่แบบมินิ หอมมากๆ เข้มข้นสุดๆ
ลิ้นวัวย่าง น่ากินมากกกกกกกกกกก
ข้าวของแถบโทโฮคุนี่ อร่อยมากๆเลยครับ กลิ่นหอม มันวาวเม็ดต่อเม็ดเลยทีเดียว
ซุปหางวัว ซดคล่องคอซะจริงๆ
หางวัวก็เคี่ยวจนนุ่มเลย
มาแบบครบเซ็ต
ส่วนอันนี้ของผม เมนูสุดยอดของร้าน ลิ้นวัวคิวามิย่าง ผมสั่งแบบลิ้น 3แผ่นหั่น 6ชิ้น 1,995เยน
ย่างแบบมีเดี่ยมแรร์ หน้าตาสง่างามมากกกกกกกกกกกกกกก
ขอบอกว่าอร่อยสุดๆ เนื้อแน่นกรุบกรอบ ไม่เหนียวเลย เกิดมาก็เพิ่งเคยกินลิ้นที่อร่อยขนาดนี้ ไม่ต้องจิ้มหรือปรุงอะไรเพิ่มเติมเลยครับ
กินกับข้าวสวยร้อนๆนี่ ฟินนนนน
ตอนออกมาคนก็ต่อคิวอยู่อีกเพียบเลยครับ
ร้านริกิวสาขาสถานีรถไฟเซ็นได
เปิด 10.00-22.30
ต่อที่ร้านใกล้ๆต่อเลย ร้านนี้ไม่ได้วางแผนว่าจะมากินครับ แต่เนื่องจากมีเมนูนึงที่ผมอยากจะกินให้ได้เลย เป็นเมนูเฉพาะของพื้นที่แถบนี้
ไม่ได้เจาะจงว่าร้านไหนครับ มั่วๆมาร้านนี้ คนก็ต่อคิวกันพอสมควร ร้านอาซาฮีซูชิ
ที่เลือกร้านนี้เพราะมี “สิ่งนั้น” ในเมนูด้วย
ใช่แล้วครับ ร้านนี้เป็นร้านซูชิ เมนูต่างๆติดอยู่ที่ผนังหมดเลย
พ่อครัวของร้านนี้
ซูชิก็ต้องชาร้อนๆ
โชยุและเครื่องปรุงอื่นๆครับ
ที่นี่เวลาสั่ง ให้ใช้วิธีติ๊กในใบออเดอร์ครับ (ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นนี่หมดสิทธิ์เลย)
ของที่สั่งไว้มาแล้วครับ (อันนี้สั่งพอเป็นพิธี ของที่อยากกินจริงๆ ยังไม่มา)
มากุโร่สึเคะครับ คำล่ะ 250เยน รสชาติธรรมดาครับ
อุนิ คำล่ะ 500เยน ที่นี่จะใช้อุนิ 2สายพันธุ์ผสมกันครับ พันธุ์มุระซากิ(สีเหลืองๆ) และ เอโซบาฟุน(สีส้มๆ) อันนี้อร่อยสดหวานดี
ยากิโทโร่ คำล่ะ 600เยน หอมกลุ่นละลายในปาก
และแล้วของที่อยากลองก็มาแล้วครับ นั่นก็คือฟุกะฮิเรซูชิ หรือซูชิหูฉลาม!!!!!!! เนื่องจากเมืองเคเซ็นนูมะเมืองทางด้านตะวันออกของจังหวัดมิยากิ เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องหูฉลาม ดังนั้นในแถบนี้จึงมีเมนูนี้อยู่ด้วยครับ
มาแบบชิ้นๆเลย (คำล่ะ 800เยน) ได้กินหูฉลามแบบเต็มปากเต็มคำเลยทีเดียว
อีกแบบคือแบบปรุงรสเป็นเส้นๆแล้วทำเป็นกุงกังมากิครับ (700เยน) แต่ของผมที่สั่งเป็นแบบพิเศษใส่ทองคำเปลวด้วย (1000เยน)
ที่สุดยอดคือทองคำเปลวนี่รสสัมผัสกรุบกรอบมากๆ กินแล้วตกใจเลยครับ
สำหรับเมนูที่อยากลองนั้นก็จบลง รสชาติก็ไม่ได้หวือหวาตามคาดครับ สำหรับร้านนี้ฝีมือพ่อครัวก็ธรรมดาๆทั่วไป แต่ว่าเนื่องจากเป็นเมืองใกล้ทะเลของจึงสดอร่อยครับ
หลังจากกินกันแล้วก็มาเดินย่านการค้าอันโด่งดังของเมืองเซ็นไดซักหน่อย ถือว่าเป็นย่านที่คึกคักมากๆ อารมณ์เดียวกับย่านโดทนบุริที่โอซาก้าเลยครับ
ตรงนี้เรียกว่าถนนคลิสโร้ด
ที่นี่ก็มีร้านริกิวอีกสาขานึง (คนก็ต่อคิวเยอะเช่นกัน)
เนื่องจากเป็นช่วงก่อนคริสมาสต์ ด้านบนมีคนเล่นออแกนสดๆด้วย!! พอเหลือบดูก็เห็นป้ายที่เขียนภาษาไทยว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เซนได”
เดินมาจะเห็นร้านนึงคนต่อคิวยาวมากๆ
ร้านกินโนะอัน เป็นร้านขายขนมไทยากิ ไหนๆก็ไหนๆก็ต่อคิวรอซื้อด้วยซะเลย
หน้าตาดีทีเดียวเชียว เห็นแล้วอยากมากๆ
รอประมาณ 20นาทีก็ได้ขนมมาอยู่ในมือแล้ว!!
ขอบอกว่าเป็นขนมไทยากิที่แปลกว่าปกติตรงที่เป็นแป้งกรอบ
ส่วนรสชาติก็อร่อยมากๆๆเลย แป้งกรุบกรอบหอมหวาน ยิ่งตอนกินอากาศหนาวๆ ได้ขนมร้อนๆหวานๆนี่ เสริมรสชาติได้สุดๆเลยครับ
ไส้ในถั่วแดงก็ใส่มาเต็มที่ อร่อยสุดๆ เอาใจไปเต็มๆ
เดินจนสุดทาง ก็เจออีกย่านการค้านึงตัดกันอยู่ครับ
ตรงนี้มีขายมันเผาด้วย อากาศยิ่งหนาวๆแบบนี้ มันยั่วยวนใจยิ่งนัก
ราคาขายที่ 1กรัม 1เยน ผมก็ดันโลภเลือกลูกใหญ่ๆมา อันนี้หนัก 500กรัมครับ ใหญ่จริงๆ
อากาศหนาวๆก็ต้องมันเผาร้อนๆ หวานๆนี่ล่ะ
จบคืนวันที่ 1 อิ่มหลับสบายยย