Browse
กลับมาอีกทริปครับ ครั้งนี้ก็เป็นทริปสั้นๆไปเที่ยวที่จังหวัดฟุกุโอกะ จริงๆแล้วไปมาต้้งแต่สิ้นเดือนตุลาคม แต่เพิ่งได้มาลง blog ครับ^^”
พูดถึงจังหวัดฟุกุโอกะแล้วก็ต้องฮาคาตะราเม็ง ก็ขอเปิดประเดิมมื้อแรกของทริปด้วยฮาคาตะราเม็งซักหน่อยแล้ว
มาที่สถานีฮาคาตะครับ ออกทางออกด้านหลัง ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานี
มาถึงแล้วครับ ร้านอิจิซาระ มาตอนร้านเพิ่งเปิดคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
ข้างในคนตรีมครับ
จุดเด่นของฮาคาตะราเม็งนอกจากน้ำซุปทงคตสึที่เป็นการเตี่ยวกระดูกหมูหลายชั่วโมงจนได้น้ำซุปเข้มข้นแล้ว และยังสามารถสั่งเพิ่มเส้นได้ (เรียกว่าคาเอดามะ) ที่นี่เพิ่มเส้นได้ในราคา 100เยนครับ
มาแล้วครับราเม็ง ผมเลือกใส่ทุกอย่าง (1000เยน) น้ำซุปทงคัตสึสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของฮาคาตะราเม็ง รสชา่ติเข้มข้นแต่ไม่เลี่ยน อร่อยสุดๆเลย
เส้นผมเลือกแบบแข็ง (คนที่นี่นิยมแบบนี้ บางชอบที่แบบแทบจะเป็นเส้นดิบเลยก็มี) สัมผัสกรึบๆเข้มกับซุปมาก
ไข่ต้มซัดพร้อมกับน้ำซุปก็อร่อยมาก
ชาชูที่นี่เป็นหมูสามชั้นหั่นบางต้มครับ
ร้านนี้มีเกี๊ยวด้วย แต่แทบไม่มีไส้ในเท่าไหร่เลย
เผลอแป๊บเดียวหมดชามเลย ซุปก็ไม่เหลือครับ
ออกมาได้เวลากลางวันคนกินข้าวพอดีคนต่อคิวเพียบเลย
ร้านฮาคาตะอิจิซาระ
แผนที่ http://tabelog.com/fukuoka/A4001/A400101/40032701/dtlmap/
เปิด: …
ห่างหายจากการเขียน blog มานาน(มาก) แถมพักหลังไม่ค่อยได้เขียนเกี่ยวกับร้านใน กทม. เท่าไหร่ เพราะว่าร้านที่ไปกินมาระยะหลังรูปแบบค่อนข้างคล้ายๆกันไม่มีอะไรเด่นครับ แต่รอบนี้ได้เขียนซักที^^
ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดอยู่ว่าในกทม.หาร้านเนื้อย่างที่เป็นเนื้อดีๆเลยค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่จะเป็นบุฟเฟต์ ส่วนเนื้อดีๆจะอยู่ตามร้านอาหารแบบปรุงมาให้เลยซะมากกว่า และราคาก็จะแพงโดดออกมาเลย แต่พอดีมาเจอร้านนึงบน facebook สีเนื้อเด้งออกมาเลย แถมเป็นแบบปิ้งย่างเองด้วยเลยต้องขอลองดูหน่อยแล้ว
มาที่ร้าน Sumi tei ร้านนี้จะอยู่ที่ทองหล่อซอย 9 สุดทางที่เชื่อมกับสุขุมวิท53 ครับ ร้านจะอยู่ชั้น3 หาไม่ยากครับ
.
ในร้านค่อนข้างกว้าง ตอนผมมาก็เป็นมื้อกลางวัน(ร้านนี้เปิดช่วงเที่ยงในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย) มาเป็นลูกค้าโต๊ะแรกเลย
เมนูเนื้อที่นี่จะมี …
ตะลุยกินแหลกฟุกุโอกะ Fukuoka ตอนจบ
มาต่อตอนจบกันครับ (ใครยังไม่อ่านตอนต้นติดตามได้จากลิงก์นี้ครับ http://www.dotpng.com/2014/12/fukuoka-1/)
.
คราวนี้มาแก้แค้นร้านเดิมที่ทริปคิวชูรอบที่แล้วไม่ได้กินเพราะไม่ได้จองครั้งนี้เลยต้องจองไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ร้านนี้อยู่ใกล้สถานี Sakurazaka ครับ
จากสถานีเดินลัดเลาะไป
เดินขึ้นทางลาดชันอีกหน่อย
เจอแล้วบ้านหลังสีขาวลายฟ้า
ใครเห็นข้างนอกแบบนี้คงไม่รู้ว่านี่คือร้านอาหาร ร้านนี้ชื่อว่า โกฮังยะอิมะโคโคะ ครับเป็นร้านที่ไม่มีป้ายร้านไม่มีอะไรบอกทั้งสิ้น ก่อนจะมากินต้องจองก่อนเท่านั้นด้วย
ถึงเวลานัดแล้วเข้าไปเลยดีกว่า
ร้านนี้ข้างในก็คือบ้านพักอาศัยที่จัดชั้น2-3 มาทำเป็นร้านครับ รับลูกค้าได้ไม่เยอะเท่าไหร่ และก่อนจะกินที่ว่าต้องโทรมาจองก่อนนั้นเพราะว่าทางร้านจะซื้อวัตถุดิบตามจำนวนที่จองไว้ครับ (ถ้าไม่ชอบหรือแพ้อะไรกินอะไรไม่ได้ต้องแจ้งตั้งแต่ตอนจอง)
ด้านข้างก็มีระเบียงเล็กๆ
เมนูอาหารวันนี้ครับ ร้านนี้จะพิมพ์เมนูวันต่อวันเลย (แต่ล่ะวันจะไม่เหมือนกันแล้วแต่วัตถุดิบ)
เตรียมอาวุธพร้อมรบ
สั่งจินเจอร์เอลมากิน
มาแล้วครับจานแรก “ฮาโลวีน” เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยทำจากฟักทองเข้าตีมฮาโลวีน รสชาติหวานแบบธรรมชาติอร่อยมากครับ
ต่อด้วยจานซุป ในนี้จะประกอบด้วยผักโขม กุ้ง เห็ด และเกาลัค เพิ่มกลิ่นด้วยแท่งวานิลา
เกาลัคอร่อยมากกกกกกกก หวานละมุนสุดๆ เป็นตัวแทนของวัตถุดิบในฤดูนี้เลยก็ว่าได้ เชฟยังย้ำด้วยว่าความหวานของซุปชามนี้มาจากธรรมชาติล้วนๆไม่มีการใส่น้ำตาลเลย
ต่อด้วยจานสลัดครับ จัดจานได้สวยงามมากๆ สมกับเป็นตีมฤดูใบไม้ร่วง
ถึงหน้าตาจะดูเป็นซูชิแต่ทั้งหมดนี้ไม่มีข้าวครับ เป็นผักล้วนๆ มากินั้นด้านในก็ใช้หัวไช้เท้าทำ หัวไชเท้าก็ไม่เหม็นเขียวหรือเผ็ดเลย รสออกหวานและสดชื่นมาก
ปลาไทครับ ปลาสดมากๆสัมผัสสุดยอด
นี่ก็ไม่ได้ใช้ข้าวนะครับ เป็นไชเท้าสับหน้าตาสวยงามมากๆ และอร่อยมากๆด้วย
ของเด็ดครับ แซลมอนกับผลมะเดื่อ และองุ่น ทั้งหมดนี้เข้ากันได้อย่างลงตัวสุดๆ ความหวานของมะเดื่อและความหวานของไขมันแซลมอนผสมผสานได้อย่างลงตัวเป็นที่สุด
จานนี้เป็นปลาซาวาระครับ หน้าตาสวยงามอีกแล้ว
วิธีกินคือให้กินคู่กับเครื่องเคียงทั้ง 4 อย่างรอบจาน แต่ล่ะอย่างกินคู่กันก็ได้รสชาติและสัมผัสต่างกันจริงๆ
ต่อด้วยจานซุปอีกจานครับ
ชามนี้เป็นซุปตะพาบน้ำ!! เชฟยังบอกอีกว่ากินแล้วผิวจะงามเต่งตึงด้วยนะ ส่วนรสชาตินั้นอร่อยมากครับ ไม่มีกลิ่นคาวเลย
ต่อด้วยจานปลา วันนี้เป็นปลาอายุนึ่งครับ หน้าตางดงามอีกแล้ว
เป็นฤดูของปลาอายุจริงๆไข่เต็มตัวเลย อย่างกะปลาไข่ ปลาก็สดมากๆหวานชุ่มฉ่ำ ไข่ก็เข้มข้น สำหรับตัวนี้นี่กินได้ทั้งตัวทั้งก้างเลยนะครับเพราะนึ่งมาได้นิ่มมากๆ
ต่อด้วยจานเนื้อครับ เป็นหมูจากเกาะอิโต
เครื่องเคียงเป็นมะเขือเทศจิ๋ว หน่อไม้ และมันเทศ
เนื้อหมูก็นุ่มอร่อยมากๆ รสชาติก็หวานเข้าถึงเนื้อ อร่อยสุดๆ
ถ้ายังไม่อิ่มก็เติมเต็มด้วยเมนูข้าวครับ เป็นแบบโอจาสึเกะ
ข้าวสวยนั้นจะใส่มันแบบยังอ่อนๆลงไปด้วย เพิ่งเคยกินครั้งแรก สัมผัสการกินคล้ายๆถั่วลิสงต้มแต่รสชาติเป็นมัน
น้ำราดจะเป็นแบบเหนียวๆรสอ่อนๆใส่ฟองเต้าหู้
มีเครื่องเคียงของดองด้วย
เวลากินก็ราดลงไปเลยครับ
พร้อมโซ้ยเลย กินรวดเดียวหมดเลย คล่องคอมากๆ
ตบด้วยของหวาน ฟินนาเล่……
ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านดีมากๆ ได้รับทั้งความอร่อย และความอบอุ่นจากอาหารของเชฟที่มาเสิร์ฟเองและพยายามอธิบายอาหารแต่ล่ะจานๆ และราคาถือว่าคุ้มมากเมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพ ทั้งคอสนี้ราคาอยู่ที่ 6,000เยนครับ (มื้อกลางวัน)
เชฟร้านนี้เป็นคุณลุงวัย 66ปี แต่เป็นคุณลุงหัวสมัยใหม่และอินดี้มากๆ อย่างปีหน้านี้ร้านนี้จะปิดให้บริการทั้งปี เพื่อออกไปพักผ่อนท่องเที่ยว แล้วจะกลับมาเปิดให้บริการอีกทีในปีถัดไปครับ
ร้านโกฮังยะอิมะโคโค่ะ (ต้องจอง)
แผนที่ http://tabelog.com/fukuoka/A4001/A400105/40005973/dtlmap/
เปิดบริการ [อังคาร] 18:00~22:00 [พุธ-เสาร์] 12:00~14:00, 18:00~22:00
หยุด วันจันทร์ อาทิตย์ เดือนกุมภาพันธ์ เดือนสิงหาคม (ปี2015หยุดทั้งปี)
.
หลังจากที่อิ่มหนำไปแล้วก็นั่งรถไฟยาวมาลงที่สถานี Meinohama มาที่เอาท์เลทของเมืองนี้กันครับ ที่นี่มีชื่อว่า Marinoa City (http://www.marinoacity.com/english/)
สำหรับที่นี่จะเป็นสถานที่ช้อปปิ้งกึ่งเอาท์ดอร์
มีร้านค้าต่างๆมากมาย ที่นี่จัดว่าใหญ่ใช้ได้ครับ
นอกจากนี้ก็มีร้านอาหารต่างๆ (แต่ดูแล้วรสชาติน่าจะพื้นๆ) และมี Taito Station สำหรับคนชอบเกมเครน
ร้านแปลกๆแบบนี้ก็มี ร้านนี้เป็นร้านแนวๆสากกะเบือยันเรือรบ ขายเบ็ดเตล็ดมากๆ
ใกล้ๆก็มีสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงานด้วยครับ ดูไฮโซทีเดียว
หลังจากเดินเที่ยวได้ที่แล้วก็กลับมาที่เมืองฮาคาตะครับ ที่นี่มืดไวหน่อย มาที่ร้านเกี๊ยวซ่าชื่อดังของที่นี่ ร้านเทสึนาเบะ
ร้านนี้เป็นแนวๆร้านเหล้าครับ เน้นมากินเกี๊ยวซ่ากับเบียร์
ออกสื่อและมีดาราคนดังมากินมากมาย
ผมมาตั้งแต่ตอนเปิดร้านเลยคนไม่เยอะ (พอมานั่งแป๊บเดียวคนก็เต็มร้าน)
ที่นี่เมนูไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ หนักไปทางด้านพวกกับแกล้ม
ซุโมสึ เป็นไส้หมูตุ๋นหมักน้ำส้ม อร่อยหยุดไม่ได้ครับ
แล้วก็ทาโกะนุตะ เป็นเมนูทาโกะราดซอสมิโสะและน้ำส้ม อันนี้ก็อร่อยครับ
ปลาซาบะย่าง หน้าตาออกไปทางน่ากลัวนิดๆ
จานนี้ก็อร่อยครับ หนังกรอบข้างในชุ่มฉ่ำมากๆ
ส่วนนี่ครับ จานนี้พระเอกของร้าน เกี๊ยวซ่ากะทะร้อน (ในรูปขนาด 6คนกิน แต่มากันแค่ 4คนนะ)
จัดเรียงมาสวยงามมาก
ผิดนอกทอดได้กรอบๆ
ส่วนด้านในชุ่มฉ่ำสุดๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆนี่เพอร์เฟคเลย
ร้าน เทสึนาเบะ
แผนที่ http://tabelog.com/fukuoka/A4001/A400101/40000836/dtlmap/
เปิดบริการ 17.00-0.30
หยุดวันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
.
ต่อจากร้านเกี๊ยวซ่า มาต่อที่ร้านราเม็งครับ ร้านราเม็งร้านนี้ คุณลุงร้าน โกฮังยะ อิมะโคโค่ะ แนะนำมา แกบอกใบ้ว่าร้านนี้ “สนุกดี”
ด้วยความไม่เข้าใจว่าร้านราเม็งจะสนุกยังไง เลยต้องมาดูด้วยตาตัวเอง มาถึงหน้าร้านแล้วครับ แค่หน้าร้านก็น่าสนใจแล้ว ร้านราเม็ง เก็นเอย์ ตัวร้านนั้นวัสดุทำด้วยสังกะสีครับ ทางเข้าก็ดูลึกลับ
เข้ามาในร้านก็ยิ่งงง เจอป้ายอันนี้แปะอยู่ เป็นการแนะนำเข้าร้าน
ทางเข้าก็แคบๆงงๆ ไม่เห็นที่นั่งเลย จากรูปอันนี้ผมมึนขนาดเดินเข้าตรงทางออก
เข้ามาตรงกลางถึงบางอ้อ ร้านนี้ออกแบบมาให้เหมือนกันพวกโรงละครครับ ตรงครัวเหมือนแสดงการทำราเม็งให้ดู น่าสนใจจริงๆ
ถึงแม้ร้านจะสร้างจุดเด่นที่น่าสนใจภายนอก แต่ราเม็งร้านนี้รสชาติก็ไม่ธรรมดาครับ เริ่มจากราเม็งแบบธรรมดาของทางร้าน ราเม็งร้านนี้จะไม่ใช่แบบฮาคาตะราเม็งที่เน้นซุปกระดูกหมูเข้มข้นครับ แต่เป็นราเม็งรสชาติแบบจีนครับ น้ำซุปกลมกล่อม เส้นเล็กตรงเคี้ยวเพลิน
ส่วนชามนี้คล้ายๆชามแรก แต่เพิ่มน้ำมันกุ้งเข้าไป รสชาติหอมเข้มข้นขึ้นมาเลย
ส่วนชามนี้ราเม็งแนะนำของร้านครับ เก็นเอย์ราเม็ง น้ำซุปเป็นทางคตสึ แต่ไม่ได้ข้นแบบฮาคาตะ รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม
ตัวเส้นของร้านนี้อร่อยจริงๆ
ราเม็งร้านนี้นอกจากอร่อยแล้ว ยังจัดชามได้สวยงามลงตัวด้วย
ที่นี่สิ่งที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งนอกจากราเม็งแล้ว คือเมนูนี้ครับ ข้าวราดไข่ดิบ!!!
ในไข่ดิบทางร้านใส่ซอสปรุงมาให้แล้วครับ ราดลงไปใสข้าวได้เลย
ไข่แดงสดจริงๆ
แม่เจ้า อร่อยจริงๆครับ อร่อยแบบลืมอิ่มเลย ไข่อร่อยมากๆ คนกินกับข้าวแบบนี้กินกี่ชามก็ได้!!
ร้านเก็นเอย์ราเม็ง
แผนที่ http://tabelog.com/fukuoka/A4001/A400104/40000106/dtlmap/
เปิดบริการทุกวัน
[จันทร์-เสาร์]
11:30-14:30
18:00-0:30
[วันอาทิตย์, วันหยุด]
11:30-17:00
18:00-22:00
.
มาเช้าวันใหม่อากาศสดใสหลังจากที่เมื่อวานมีฝนตกเป็นระยะๆ
มาที่ร้านราเม็งลึกลับในตำนานของเมือง (พูดเองเออเองทั้งสิ้น) ที่ว่าอย่างนี้เพราะร้านนี้ไม่มีชื่อร้านอะไรบ่งบอกเลยดังรูป แต่ในเว็บเรียกชื่อร้านนี้ว่าร้าน เก็งกิอิปไป (พลังเต็ม) เพราะในร้านมีป้ายคำนี้แปะอยู่ครับ
ร้านนี้เวลาเปิดไม่แน่นอนแล้วแต่วันครับ อย่างวันนี้แปะป้ายเล็กๆว่าเปิด 11โมงครึ่ง ผมมาถึงตอนราวๆ 11โมง เลยต้องยืนรอเป็นคนแรก
พอได้เวลาขายเท่านั้นล่ะครับ แม่เจ้า!!คนมาจากไหนไม่รู้มาต่อคิวเพียบเลย เป็นที่รู้กันว่าตรงนี้มีร้านราเม็งขั้นเทพอยู่
และเป็นที่น่าเสียดายที่ร้านนี้ห้ามถ่ายรูป (และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ)ภายในร้าน แต่ด้วยความนิสัยไม่ดีเลยแอบถ่ายรูปราเม็งมาแชะนึงด้วยกล้องมือถือครับ
หน้าตาราเม็งเป็นอย่างในรูป เป็นราเม็งสีขาวล้วนๆ ชามนี้ผมเพิ่มเห็ดหูหนูด้วย ขอบอกว่าเป็นราเม็งที่สุดยอดมากๆ น้ำซุปเข้มข้นถึงขั้นสูงสุด แต่กลับไม่เลี่ยนเลย ตัวเห็นหูหนูก็สัมผัสกรุบกรอบเอามากๆ เคี้ยวเพลินสุดๆ เส้นราเม็งเรียวเล็กก็อร่อย เผลอแป๊บเดียวกันหมดชามเลย คุ้มค่ามากๆครับ
ร้าน เก็งกิอิปไป
แผนที่ http://tabelog.com/fukuoka/A4001/A400106/40000488/dtlmap/
เปิดบริการ
วันธรรมดา 11โมง(โดยประมาณ)-6โมงเย็น
วันเสาร์, วันหยุดนักขัตฤกษ์ 11โมง – 5โมงเย็น
*หรือจนกว่าน้ำซุปจะหมด
หยุดวันอาทิตย์
.
กินราเม็งเสร็จก็มาเดินเล่นในเมืองที่ย่าน Tenjin ย่านนี้มีห้างร้านอยู่มากมาย แวะมาที่ห้างนี้ครับ VIORO ร้านนี้อยู่ใช้ B1F
ที่นี่มี Cafe ที่ขึ้นชื่อเรื่องแพนเค้กมาก และมีหลายสาขาโดยสาขาหลักอยู่ที่โอซาก้าครับ นั่นก็คือร้าน Cafe & Books Bibliotheque
แม้เป็นช่วงบ่ายวันธรรมดาแต่ก็มีลูกค้าแน่นร้าน
มาแล้วครับอาหารที่สั่ง เน้นแพนเค้กล้วนๆ
เริ่มจาก Pancake Carameled Apples (1200เยน)
Pancake with Berry and Cream Cheese (1100เยน)
จานนี้เป็นเมนูเฉพาะเดือน 10 ครับ Mousse au Chocolat & Hazelnuts Cassis sauce (1200เยน)
เนื้อแพนเค้กนุ่มอร่อย ราดซอสลงไปพร้อมหวานกำลังดี กินกับเครื่องรสชาติลงตัวมากๆ ใครที่ชอบแพนเค้กต้องมาลองครับ
สำหรับที่นี่ถ้าบวกอีก 350เยนจะได้เซ็ตพร้อมเครื่องดื่มด้วยครับ
ร้าน Cafe & Books Bibliotheque สาขา Fukuoka
แผนที่ http://tabelog.com/fukuoka/A4001/A400103/40003133/peripheral_map/
เปิดบริการ 11:00-23:00(L.O)22:00
หยุดวันปิใหม่ และวันที่ห้างปิด
.
จากนั้นมาต่อมื้อเย็นมื้อสุดท้ายของทริปกับหม้อไฟขึ้นชื่อของเมืองบ้าง ที่นี่จะมีหม้อไฟขึ้นชื่อของเมืองโดยมีวัตถุดิบหลักเป็นไก่ ที่เรียกว่า “หม้อไฟมิสึทากิ”
และที่พูดถึงหม้อไฟมิสึทากิที่เมืองฮากาตะ ก็ต้องร้าน “ฮานะมิโดริ” ที่มีสาขาอยู่เต็มเมืองเลย มาที่สาขาหน้าสถานีฮากาตะครับ
หม้อไฟที่สั่งคือ คอสฮานะ ราคาต่อหัว 4,350เยน
เริ่มจากโคบาจิ(อาหารชามเล็ก) 2 อย่าง
ต่อด้วย เซ็นไซซันชูโมริ (อาหารเรียกน้ำย่อย 3อย่าง)
แฮมไก่สดและไก่ทาทากิ
สำหรับแฮมไก่สดนั้นก็จิ้มพอนสึพร้อมใส่วาซาบิและขิงลงไปเล็กน้อย อร่อยสุดๆ
ด้านล่างจะเป็นไก่ทาทากิ อันนี้ก็ย่างได้หอมเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว
คาวาริฮาจิ
เตรียมต้มหม้อไฟแล้วครับ น้ำซุปไก่ดูดีมากๆ
เมื้อหม้อไฟเดือดทางพนักงานก็จะใส่ไก่ลงไปให้ครับ
ส่วนผักก็ใส่เองตามชอบครับ
น้ำซุปจะใส่ถ้วยเล็กๆแบบนี้เอาไว้ลิ้มรสโดยเฉพาะ น้ำซุปต้องบอกว่าอร่อยมากๆ กลมกล่อมสุดๆ
หม้อเดือดแล้วรออะไรอยู่ก็ตักเลยสิครับ
นอกจากเมนูหม้อไฟแล้วยังสั่งเมนูอื่นๆมาลอง แน่นอนว่ามีแต่เมนูไก่ครับ
เมนูฮาคาตะชิกิยากิ (380เยน) เป็นการย่างไก่ให้สุกแค่ผิวๆ ส่วนข้างในยังดิบอยู่ บางคนเห็นอาจจะไม่กล้ากินแต่ขอบอกว่าอร่อยมากๆ
ได้รสสัมผัส 2แบบ รสชาติสดใหม่ของเนื้อไก่ดิบด้านใน และความหอมจากผิวของเนื้อไก่ขั้นนอก
ไก่ย่างสีคุเนะ (580เยน) น่ากินสุดๆ
แน่นอนว่าต้องมีซอสและไข่แดงด้วย
กินพร้อมซอสและไข่แดงนี่….โอยฟินครับ
มาลองไก่ทอดคาระอาเกะดูบ้าง (650เยน)
เนื้อในชุ่มฉ่ำมากๆ อร่อยอีกแล้ว
โมโมอาบุริยากิ (650เยน) เมนูนี้จะเน้นความเหนียวของไก่ ค่อยๆเคี้ยวรับรส เอาไว้แกล้มเหล้า แต่ส่วนตัวผมว่าเหนียวไปหน่อยนะ
โอยาโกะด้ง แนะนำเลยครับเมนูนี้ ปกติจะขายเฉพาะตอนกลางวันแต่ว่าพอดีมีวัตถุดิบอยู่เลยขอสั่งหน่อย
บอกเลยครับว่าโดน ไก่นุ่ม ไข่กึ่งสุกกึ่งดิบกำลังดี ซอสรสอร่อย ไร้คำบรรยายจริงๆ
ท้ายสุดของเมนูหม้อไฟ มีเส้นเม็งมากินกับน้ำซุปด้วย
เส้นอร่อยเข้ากับน้ำซุปสุดๆ จบมื้อแบบพุงกางเลย
มีผลไม้ตามฤดูกาลตบท้ายครับ
ร้าน ฮาคาตะฮานะมิโดริ (สาขาหน้าสถานีฮาคาตะ)
แผนที่ http://tabelog.com/fukuoka/A4001/A400101/40003174/dtlmap/
เปิดบริการ
[จันทร์-เสาร์]
11:30~13:30 17:00~24:00(L.O.22:30)
[วันอาทิตย์, วันหยุดนักขัตฤกษ์]
17:00~22:00(L.O.21:00)